วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

7 ร้านอาหารไทยโบราณ แลนด์มาร์กอิ่มท้องคู่แม่ลูก



          ร้านอาหารไทยโบราณแสนอร่อย ที่เที่ยววันแม่ที่จะทำให้คุณประทับใจกับมื้ออาหารแสนอร่อยหลากหลายเมนู มื้อพิเศษสำหรับคุณและแม่
          กิจกรรมยอดฮิตส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกปีของวันแม่ เห็นทีจะหนีไม่พ้นการจูงมือคุณแม่ไปทานข้าวสักมื้อ เพราะเป็นสิ่งที่ลูก ๆ อย่างเราทำให้กับคุณแม่ได้เลยทันที ยิ่งถ้าร้านไหนอร่อย เวลาทานเราก็จะได้เห็นรอยยิ้มของคุณแม่ และเมื่อเห็นรอยยิ้ม มื้ออาหารนั้นก็จะอร่อยไปโดยอัตโนมัติ วันนี้เราเลยขอเอาใจสำหรับลูก ๆ ที่อยากพาคุณแม่ไปทานร้านอาหารไทย โบราณแสนอร่อยกัน เอาใจคุณแม่ด้วยมื้ออาหารไทยอร่อย ๆ คุณแม่จะได้อารมณ์ดีตลอดทั้งวัน
1. Bangkok Bold Kitchen


7 ร้านอาหารไทยโบราณ

          ร้านอาหารไทยแสนอร่อย ตั้งอยู่บนชั้นสองของ Riverside Plaza เป็นที่ร่ำลือกันว่าอาหารไทยที่ร้านรสชาติเข้มข้นโดนใจ เหมือนกับว่าได้ทานกับข้าวฝีมือแม่ โดดเด่นด้วยเมนูอาหารไทยหลากหลายภาค นอกจากอร่อยแล้ว ยังบรรจงประณีตในการตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ เมนูแสนอร่อยที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ แกงพริกขนุนอ่อน, ยำไก่ย่างใบชะมวง, ข้าวผัดปู, ปลาช่อนนึ่งตะไคร้, แกงพริกย่างขนุนอ่อน, ขนมจีนน้ำยาปู และปลาทูชะอมกากหมูพริกสด เป็นต้น อาหารแต่ละจานเรียกได้ว่าปรุงรสมืออย่างพิถีพิถัน รับรองเลยว่าบรรดาคุณแม่จะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
          ที่อยู่ : ชั้น 2 Riverside Plaza ถนนเจริญนคร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 096 626 4519
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Bangkok Bold Kitchen

2. ครัวอัปษร

7 ร้านอาหารไทยโบราณ


7 ร้านอาหารไทยโบราณ

7 ร้านอาหารไทยโบราณ

          ร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงความอร่อยมายาวนาน ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ สาขาถนนสามเสน สาขาถนนดินสอ สาขาสนามบินน้ำ สาขากาญจนาภิเษก สาขาราชพฤกษ์ สาขานครอินทร์ และสาขาศาลายา (เปิดให้บริการ 28 กรกฎาคม 2560) ด้วยเพราะความมีชื่อเสียงในเรื่องความอร่อยที่ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 กว่าปี จึงทำให้มีลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำมาลิ้มลองความอร่อยมากหน้าหลายตา เมนูอาหารจานเด็ด ได้แก่ "หมูผัดพริกกะเหรี่ยง" รสชาติเข้มข้น ทานคู่ได้กับทั้งข้าวสวยและขนมจีน "เนื้อปูผัดผงกะหรี่" พระเอกอยู่ที่เนื้อปูแน่นก้อนใหญ่ ให้กันแบบไม่กลัวขาดทุน ขาดไม่ได้กับเมนูขึ้นชื่อ "ไข่ฟูปู" เนื้อปูแน่น ๆ อยู่ในไข่เจียวที่ทอดเหลืองกรอบกำลังพอดี ทานคู่กับซอสพริก เข้ากันได้ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

          เวลาเปิด-ปิด : สาขาสามเสน เวลา 10.30-20.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์), สาขาถนนดินสอ เวลา 10.30-20.30 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์), สาขาสนามบินน้ำ เวลา 10.30-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์), สาขากาญจนาภิเษก และสาขานครอินทร์ เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สาขาราชพฤกษ์ เวลา 10.30-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์), สาขาศาลายา เวลา 10.30-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
          ที่อยู่ : มีทั้งหมด 7 สาขา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Krua Apsorn : ครัวอัปษร
          เบอร์โทรศัพท์ : สาขาสามเสน โทรศัพท์ 02 668 8788, 02 241 8528, สาขาถนนดินสอ โทรศัพท์ 02 685 4531, 080 550 0310, สาขาสนามบินน้ำ โทรศัพท์ 02 967 1731-2, สาขากาญจนาภิเษก โทรศัพท์ 02 404 1482, 094 236 8414, สาขาราชพฤกษ์ โทรศัพท์ 094 0175 725, 083 025 5516, สาขานครอินทร์ โทรศัพท์ 096 790 4949, สาขาศาลายา โทรศัพท์ 096 959 882

          เว็บไซต์ : kruaapsorn.com หรือ เฟซบุ๊ก Krua Apsorn : ครัวอัปษร


3. At-Ta-Rote อรรถรส

7 ร้านอาหารไทยโบราณ

7 ร้านอาหารไทยโบราณ

          อิ่มเอมไปกับมื้ออาหารไทยโบราณแสนอร่อยย่านสุขุมวิท 39 ด้วยคอนเซ็ปต์ของร้านที่ต้องการสื่อสารและถ่ายทอดตำนานอาหารไทย ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งร้านได้อย่างร่วมสมัย เมนูอาหารและเครื่องดื่มของที่ร้านล้วนมีเอกลักษณ์ ที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้คนทานได้รับรู้รสความอร่อยในทุกคำที่ทาน เมนูแนะนำของที่ร้าน ได้แก่ "เมี่ยงคำบังหลวง" ประกอบด้วยผักสมุนไพรต่าง ๆ ที่ถูกนำมาจัดวางบนกลีบดอกบัวอย่างบรรจง พร้อมเสิร์ฟคู่กับน้ำกะปิรสหวาน "ไข่พะโล้หมูฮ้อง" รสชาติกลมกล่อมถึงเครื่องน้ำพะโล้ที่ซึมเข้าไปในไข่แดง พร้อมหมูฮ้องแสนอร่อย หรือจะเป็น "แสร้งว่ากุ้งในกระทงทอง" อาหารตามแบบฉบับชาววังแสนอร่อย ที่ไม่ได้หาทานที่ไหนได้ง่าย ๆ เป็นต้น

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.30-22.00 น.
          ที่อยู่ : 59/3 ซอยสุขุมวิท 39 (พร้อมพงษ์) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 064 249 4244
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก At-Ta-Rote อรรถรส

4. ครัวสา รสจัด

7 ร้านอาหารไทยโบราณ

7 ร้านอาหารไทยโบราณ


7 ร้านอาหารไทยโบราณ

          ร้านอาหารไทยที่เปิดมายาวนานกว่า 20 ปี โดดเด่นด้วยบรรยากาศร้านสไตล์ไทย ๆ ท่ามกลางโบราณวัตถุที่ประดับประดาอยู่ทั่วร้าน ที่นี่เน้นเสิร์ฟเมนูอาหารแบบไทย ๆ ที่คิดสูตรความอร่อยขึ้นมาเองโดยเฉพาะ แต่เมนูเด็ดชื่อดังของทางร้าน ได้แก่ "หมูสะเต๊ะ" เนื้อนุ่มหอมชวนทาน, "หอยแครงดิสโก้" ที่ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด, "เนื้อปูผัดพริก" เนื้อปูแน่น ๆ ผัดกับพริกเหลืองแดง, "ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ" ถึงรสเครื่องแกงฉู่ฉี่ แถมยังหอมกลิ่นใบมะกรูด ได้รสหวานเผ็ดแบบกลมกล่อม เป็นต้น เรียกได้ว่าอร่อยลงตัวทุกเมนู ไม่ว่าจะลองทานเมนูไหนก็ไม่มีผิดหวัง

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-22.30 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน)
          ที่อยู่ : ซอยวิภาวดีรังสิต 44 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 579 0021
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ครัวสารสจัด Krua Sa Ros Jad Restaurant

5. ครัวศรแดง

          ร้านอาหารไทยสูตรเก่าแก่ดั้งเดิม ปัจจุบันมีทั้งหมด 2 สาขา ได้แก่ สาขาตลิ่งชัน และสาขาถนนบางแวก (จรัญสนิทวงศ์ 13) ใครที่ชอบทานอาหารไทย มาที่ร้านรับรองว่าไม่มีผิดหวัง ว่ากันว่าเมนูขึ้นชื่อของที่ร้าน คือ "หมี่กรอบศรแดง" ใครมาแล้วไม่สั่ง ก็เหมือนว่ามาไม่ถึง หมี่กรอบของที่ร้านคั่วจนแห้งกรอบ รสชาติเปรี้ยวหวานเข้มข้นกำลังดี "มัสมั่นเนื้อ" หอมกลิ่นสมุนไพรและเครื่องเทศ ยิ่งถ้าได้ทานกับข้าวสวยสักจาน บอกเลยว่าอร่อยกำลังดี นอกจากนี้ทางร้านยังมีมูแนะนำอีกเพียบ เช่น แกงจืดลูกรอก, ยำถั่วพู, แกงคั่วหอยขม, เนื้อปูหลน, แกงป่าลูกชิ้นปลากราย, ซี่โครงบรั่นดี และห่อหมกทะเลมะพร้าว เป็นต้น

          เวลาเปิด-ปิด : สาขาตลิ่งชัน เวลา 10.00-21.00 น. (หยุดทุกวันพุธ), สาขาถนนบางแวก ทุกวัน เวลา 10.00-23.00 น.
          ที่อยู่ : สาขาตลิ่งชัน ถนนบรมราชชนนี แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ, สาขาถนนบางแวก ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : สาขาตลิ่งชัน โทรศัพท์ 02 880 7653 และสาขาถนนบางแวก โทรศัพท์ 02 865 8398,
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ครัวศรแดงจรัญฯ13

6. เรือนรส

          ร้านอาหารไทยบรรยากาศดี ตั้งอยู่ริมทะเลสาบในหมู่บ้านสัมมากร เมนูอาหารของที่ร้านมีให้เลือกเยอะละลานตา ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล ยำ ผัด ต้ม อาหารจานเดียว อาหารจีน อาหารเวียดนาม บางเมนูก็ไม่ได้หาทานจากที่ไหนได้ง่าย ๆ ด้วย แต่เมนูไฮไลท์ที่มาแล้วต้องสั่ง ได้แก่ "ฉู่ฉี่ไข่เจียว" ซึ่งเป็นสูตรความอร่อยเฉพาะของทางร้าน ที่ทอดไข่เจียวออกมาได้อย่างเหลืองกรอบ เห็นแล้วน่าทานสุด ๆ "ต้มยำกุ้งนางมะพร้าวหอม" น้ำต้มยำรสชาติเข้มข้นโดนใจ พร้อมด้วยกุ้งแม่น้ำเนื้อแน่น ทั้งสดและหวาน หรือจะเป็น "หลนปลาสลิดฟู" เสิร์ฟมาพร้อมชุดผัก เข้ากันได้ดีกับเนื้อปลาสลิดทอดกรอบ เป็นต้น ทานอาหารอร่อย ๆ ไป รับลมเย็นเพลิน ๆ บอกเลยว่ามันดีจริง ๆ

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น.
          ที่อยู่ : 245/10 ตรงข้ามซอย 29 หมู่บ้านสัมมากร ถนนรามคำแหง 112 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 373 6389
          เว็บไซต์ : ruenrosrestaurant.com หรือ เฟซบุ๊ก Ruenros Restaurant Ramkhamhaeng112

7. บ้านรับรอง


7 ร้านอาหารไทยโบราณ

7 ร้านอาหารไทยโบราณ

          ร้านอาหารไทยที่คงเอกลักษณ์ความอร่อยชั้นเลิศทั้งคาวและหวาน เมนูแต่ละอย่างล้วนได้รับการปรุงด้วยสูตรอันเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน เพื่อให้ลูกค้าทุกคนที่เข้ามานั่งทานได้รับความประทับใจกลับบ้านไปอย่างแน่นอน โดยอาหารไทยที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่การคัดสรรวัตถุดิบอย่างละเอียดลออ และส่วนผสมของเครื่องแกงที่เข้มข้น ที่ไม่ว่าใครได้ลองชิมเป็นต้องติดใจกันเป็นแถว เมนูแนะนำของทางร้าน ได้แก่ ไก่ห่อใบเตย, แกงส้มปูยอดมะพร้าว, น้ำพริกกะปิปลาทู, ต้มข่าไก่ และแกงเผ็ดเป็ดย่าง เป็นต้น นอกจากอาหารไทยรสชาติเยี่ยมแล้ว ยังมีอาหารทะเลและอาหารจีนให้คุณได้ลองเลือกทานอีกหลากหลายเมนู อิ่มอร่อยแบกพุงกลับบ้านไปแน่นอน

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 10.00-22.00 น.
          ที่อยู่ : ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 185 6030-31
          เว็บไซต์ : baanrubrong.com หรือ เฟซบุ๊ก Baan Rub Rong บ้านรับรอง

          ลูก ๆ ที่กำลังคิดอยากพาแม่ไปหม่ำมื้ออร่อย ลองดูร้านอาหารไทยที่เราเอามาฝาก เก็บเอาไว้เป็นตัวเลือกสำหรับวันแม่นี้กันนะคะ สร้างชั่วโมงแห่งความสุขร่วมกันผ่านมื้ออาหารสักมื้อ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดี ๆ สำหรับวันแม่ ที่เราอยากให้ลูกทุกคนได้ลองทำกันดูนะคะ ^ ^

วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

นาซิโน (Nazino) เกาะสุดสยอง เรื่องจริงในประวัติศาสตร์!

          เรื่องราวความโหดร้าย ความสยองที่เกิดขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งชื่อว่า นาซิโน (Nazino) เกาะเล็กๆ ที่มีคนอยู่รวมกันกว่า 6,000 คน ไร้ซึ่งข้าวปลาอาหาร จนต้องฆ่าและกินกันเองเพื่อเอาตัวรอด 
    นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มานานนับสิบๆ ปี แต่เรื่องราวเหล่านี้กลับถูกปิดเงียบเหมือนจะเลือนหายไปพร้อมอดีต จนกระทั่ง.. ได้ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อปี 2002 ทุกคนจะรู้จักเหตุการณ์นี้กันในชื่อ ‘Nazino Affair’

นาซิโน (Nazino) เกาะสุดสยอง เรื่องจริงในประวัติศาสตร์!

นาซิโน (Nazino) เกาะสุดสยอง เรื่องจริงในประวัติศาสตร์!
                            โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin)
      ย้อนกลับไปในปี 1933 .. ยุคของ โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) เป็นผู้นำสหภาพโซเวียต (สืบทอดอำนาจจาก วลาดิมีร์ เลนิน และนำโซเวียตก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็เป็นหนึ่งในขั้วอำนาจในการทำสงครามเย็นกับสหรัฐอเมริกา) ในยุคนั้นระบบสตาลินเข้มงวดและโหดร้ายสุดๆ หากใครต่อต้านอำนาจจะต้องลงเอยด้วยการถูกส่งไปค่ายกักกันและต้องตายอย่างทรมาร คาดการณ์กันว่าน่าจะราวๆ 10 ล้านคนเลยทีเดียว
นาซิโน (Nazino) เกาะสุดสยอง เรื่องจริงในประวัติศาสตร์!
      7 ปี ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ร่วมอุดมการณ์ได้ร่วมมือกับสลาติน วางแผนกำจัดคนที่พวกเขาคิดว่า ‘ไม่เหมาะสม’ ออกไปนอกสหภาพโซเวียต ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนเป็น คนไร้บ้าน คนจน และคนพิการ พวกเขาต้องตกเป็นนักโทษโดยที่ไม่เต็มใจ!
      หลังจากนั้นพวกเขาถูกนำตัวไปยัง ไปยังเกาะร้างแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า นาซิโน (Nazino) ตั้งอยู่ในไซบีเรีย (ปัจจุบัน คือ Cannibal Island) สถานที่สุดโหดร้ายที่มีแต่ความหนาวเย็น ไร้ซึ่งอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ รวมถึงพื้นที่แห้งแล้งไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ และอีกหนึ่งเหตุผลที่สลาตินส่งตัวผู้คนเหล่านี้ไป ก็เพียงเพราะต้องการสร้างอาณานิคมบนเดินแดนแห่งนี้ก็เท่านั้นเอง
นาซิโน (Nazino) เกาะสุดสยอง เรื่องจริงในประวัติศาสตร์!
     ผู้คุมได้นำตัวกว่า 6,000 คนลงทะเลเพื่อเดินทางไปยังเกาะนาซิโน แต่ในระหว่างทางมีคนต้องตายเพราะความอดยากไปถึง 27 คนหนำซ้ำ! ในคืนแรกที่ไปถึงก็มีคนตายไปกว่า 300 คนจากการเผชิญกับพายุหิมะ
     บนเกาะนาซิโน มีเพียงขนมปังขึ้นราที่ผู้คุมทิ้งไว้ให้ประทังชีวิต ซึ่งไม่พอกับจำนวนคนกว่า 6,000 คน เวลาผ่านไปไม่นาน ความหิวก็เริ่มครอบงำ ไม่มีอาหาร พื้นที่เพาะปลูกไม่ได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากความหิวโหยได้ก็คือ การฆ่ากินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง!
นาซิโน (Nazino) เกาะสุดสยอง เรื่องจริงในประวัติศาสตร์!
      เริ่มจากการตามล่าคนที่บาดเจ็บ ป่วย จนไปขึ้นขั้นวางแผนฆ่าเพื่อนำเนื้อมากินกันเลยทีเดียว และไม่ต้องสงสัยว่าจะเอาไปทำกับข้าว ปรุงรสยังไง ก็ในเมื่อไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ใช่! พวกเขากิน ‘เนื้อดิบ’
      มีหลายคนที่พยายามจะหนีออกจากเกาะ โดยการสร้างแพ ว่ายน้ำ แต่ก็ทำไม่สำเร็จบนดินแดนแห่งนี้ บางคนก็จมน้ำตาย บางคนก็ถูกแช่แข็งจากความหนาวเย็น
      หลังจากนั้นไม่นานสลาตินก็ได้ส่งนักโทษกลุ่มใหม่มายังเกาะนาซิโน เพิ่มอีก 1,200 คน แต่เพียงก้าวขาถึงฝั่งก็ถูกคนที่อยู่บนเกาะชุดแรกจัดการฆ่าเพื่อนำเนื้อไปกินเป็นอาหารซะหมดแล้ว..
http://www.creepybasement.com/
   จากเหตุการณ์นี้  มีคนตายบนเกาะกว่า 4,000 คน และมีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตโดยการฆ่าและกินเนื้อมุนษย์ด้วยกันเอง   สหภาพโซเวียตปิดข่าวเหตุการ์นี้มานานนับสิบๆ ปี   จนกระทั้งเรื่องราวบางส่วนได้ถูกปล่อยออกมา จนถูกตีพิมพ์และเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ ในปี 2002 ผู้คนรู้จักเหตุการณ์สุดโหดร้ายนี้ในชื่อ ‘Nazino Affair’

9 ร้านกาแฟ วิวสวย แหล่งจิบกาแฟ แลขุนเขาและท้องทะเลที่ไม่ควรพลาด


9 ร้านกาแฟ วิวสวย แหล่งจิบกาแฟ แลขุนเขาและท้องทะเลที่ไม่ควรพลาด


รวมร้านกาแฟ วิวสวย
          แนะนำร้านกาแฟ บรรยากาศดี ทั่วไทย ที่มีวิวสวย ๆ ของท้องทุ่งนาป่าเขา และท้องทะเล ให้ได้ไปนั่งจิบกาแฟมองวิวกันแบบชิล ๆ อยากหาร้านกาแฟ วิวสวย ไปพักผ่อนวันหยุด ปักหมุดที่นี่ได้เลย 

          นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ จะทำให้เราผ่อนคลายแล้ว การได้นั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ หรือเครื่องดื่มเย็น ๆ ไปพร้อมกับการมองธรรมชาติสวย ๆ รอบตัว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้หัวสมองปลอดโปร่งได้อย่างง่ายดาย วันนี้เราจึงได้รวบรวมร้านกาแฟ วิวสวย ที่เขาบอกกันว่าเป็น 'ร้านกาแฟ วิวหลักล้าน' ได้ทั้งลิ้มรสกาแฟ & เครื่องดื่มอร่อย ๆ และยังได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ดีคูณสองแบบนี้ รีบเช็กลิสต์กันเลยค่ะ :)
1. เมจิก เมาน์เท่น จังหวัดพะเยา

รวมร้านกาแฟ วิวสวย
รวมร้านกาแฟ วิวสวย

รวมร้านกาแฟ วิวสวย

          'เมจิค เมาน์เท่น' ร้านกาแฟเล็ก ๆ บนเนินเขาแห่งอำเภอปง เมืองพะเยา ที่มีวิวของขุนเขาและสายหมอกสุดตระการตาให้ลูกค้าได้นั่งมองกันแบบเพลิน ๆ ตลอดทั้งวัน ตัวร้านสร้างจากไม้ท้องถิ่น ออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่มีลูกเล่นน่ารัก ๆ เข้ากันอย่างดีกับธรรมชาติรอบด้าน จากตัวร้านสามารถมองเห็นยอดเขาหินปูนน้อยใหญ่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกินได้อย่างดีเยี่ยม ตัวอยู่พะเยา แต่ได้เห็นวิวจังหวัดน่าน ว้าว...ฟินสุด ๆ ยิ่งช่วงหน้าฝนจนถึงหน้าหนาว จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้แบบอลังการ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีเครื่องดื่มทั้งอุ่นและเย็นให้ได้ลิ้มรสกันอย่างจุใจ

          ที่ตั้ง : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 กิโลเมตรที่ 70 ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา
          เวลาเปิด-ปิด : 06.00-18.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร)
          โทรศัพท์ : 06 5502 5499
    
2. ควนฟิน จังหวัดกระบี่

รวมร้านกาแฟ วิวสวย
 

รวมร้านกาแฟ วิวสวย


          'ควนฟิน' ร้านกาแฟและร้านอาหารวิวสวยแห่งเมืองกระบี่ ตั้งอยู่บนเนินเขาในตำบลอ่าวนาง เป็นร้านอาหารและกาแฟเล็ก ๆ ออกแบบให้เปิดโล่งกว้าง สามารถมองเห็นวิวท้องทะเลกระบี่และบริเวณท่าเรืออ่าวน้ำเมาได้แบบสวยสุด ๆ โดยเฉพาะยามเย็นจะมีลมเย็น ๆ พัดมาตลอด บรรยากาศเงียบสงบ ให้บริการทั้งเครื่องดื่ม ขนมหวาน และอาหารสุดอร่อย สามารถนั่งพักผ่อนมองวิวกันได้อย่างชิล ๆ

          ที่ตั้ง : 299/1 หมู่ 2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น.
          โทรศัพท์ : 08 6880 2040, 06 3254 2783, 08 3191 2444
         

3. ตูบนากาแฟ จังหวัดน่าน

รวมร้านกาแฟ วิวสวย

รวมร้านกาแฟ วิวสวย
 

รวมร้านกาแฟ วิวสวย


รวมร้านกาแฟ วิวสวย


          หากใครมีโอกาสไปเที่ยวน่าน จะต้องไม่พลาดแวะไปลองชิมกาแฟแลภูเขากันที่ 'ตูบนากาแฟ' ร้านกาแฟเล็ก ๆ ภายในตูบนาโฮมสเตย์ ซึ่งมีการใช้วัสดุธรรมชาติในท้องถิ่นนำมาทำเป็นตัวร้าน และยังมีวิวสวยสุดอลังการของขุนเขา ทุ่งนาสีเขียว และสายหมอกอยู่เบื้องหลัง บรรยากาศเงียบสงบและอากาศเย็นสบายมาก ที่นี่จะทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

          ที่ตั้ง : หน้าวัดภูเก็ต อำเภอปัว จังหวัดน่าน
          โทรศัพท์ : 09 4143 1969
          เฟซบุ๊ก : ตูบนา กาแฟ, ตูบนาโฮมสเตย์ อ.ปัว จ.น่าน

4. ทุ่งคา-กาแฟ จังหวัดภูเก็ต

รวมร้านกาแฟ วิวสวย


รวมร้านกาแฟ วิวสวย
 

          ถ้าอยากเห็นวิวภูเก็ตในมุมสูง ไปพร้อม ๆ กับการดื่มเครื่องอุ่น ๆ และลิ้มรสอาหารสุดอร่อย ขอแนะนำให้มุ่งตรงไปที่ 'ทุ่งคา-กาแฟ' ร้านกาแฟและร้านอาหารบนยอดเขารัง รอบ ๆ ร้านเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สุดร่มรื่น มีการออกแบบร้านให้ยื่นออกไปจากหน้าผา ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเมืองภูเก็ตและท้องทะเลภูเก็ตได้อย่างสวยงามสุด ๆ อีกทั้งยังมีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ไปถ่ายรูปและยืนชมวิวกันแบบชิล ๆ นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ที่นี่ก็ให้บริการอาหารหลากหลายแบบ อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งบรรยากาศ ถ้าพลาดไป จะต้องเสียดายแน่นอน

          ที่ตั้ง : ยอดเขารัง ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
          เวลาเปิด-ปิด : 11.00-22.00 น.
          โทรศัพท์ : 08 0821 1500, 0 7621 1500
          เฟซบุ๊ก : ทุ่งคา-กาแฟ

5. ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา คีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช

รวมร้านกาแฟ วิวสวย
 











          มาสูดโอโซนแบบชิล ๆ กันที่คีรีวงแล้วก็อย่าลืมแวะพักดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ กันที่ 'ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา' ร้านกาแฟวิวสวยแห่งคีรีวงที่ต้องบอกว่าห้ามพลาดเลยล่ะ ตัวร้านตั้งอยู่บนเนินสูงใกล้กับคลองเขาแก้ว ตัวร้านออกแบบอย่างน่ารัก ผสมผสานสไตล์ลอฟท์เพื่อให้เข้ากับขุนเขาสีเขียวและอากาศที่เย็นสบายบริสุทธิ์ มีที่นั่งให้ลูกค้าได้นั่งมองวิวเพลิน ๆ รอบร้าน รวมทั้งเปลตาข่ายสูง 15 เมตรสุดชิล ซึ่งสามารถนอนเล่นมองวิวภูเขาและสายหมอกบาง ๆ กันได้แบบเพลิน ๆ ลองมาทำความรู้จัก แล้วจะหลงรักไม่รู้ตัว :)

          ที่ตั้ง : 189 หมู่ 3 ตำบลเขาแก้ว อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช 
          เวลาเปิด-ปิด : 10.00-19.00 น. ปิดทุกวันพฤหัสบดี
          เฟซบุ๊ก : ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา Little House in the Valley

6. CAFE De PIER X Samui เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

รวมร้านกาแฟ วิวสวย

รวมร้านกาแฟ วิวสวย


รวมร้านกาแฟ วิวสวย

          'CAFE De PIER X Samui' ร้านกาแฟสุดชิคริมทะเลบนเกาะสมุย ที่ออกแบบมาแบบเท่ ๆ ชิค ๆ ในสไตล์อินดัสเทรียล ตัวร้านตั้งอยู่ริมหาดทรายบริเวณหมู่บ้านชาวประมงทางฝั่งหาดบ่อผุด มีที่นั่งเปิดโล่งกว้างให้ลูกค้าได้นั่งมองท้องทะเลสุดกว้างใหญ่และสูดกลิ่นท้องทะเลอันสดชื่นกันแบบเต็มที่ พร้อมกับมีเมนูเครื่องดื่มและอาหารหลากหลายแบบให้เลือกทานกันตามความชอบใจ มาเกาะสมุยเมื่อไร ควรแวะมาเช็กอินกัน

          ที่ตั้ง : 50 หมู่ 1 หมู่บ้านชาวประมง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
          เวลาเปิด-ปิด : 08.00-10.00 น.
          โทรศัพท์ : 0 7743 0680
          เฟซบุ๊ก : CAFE De PIER X Samui

7. เลอ บอนเนอร์ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

รวมร้านกาแฟ วิวสวย

รวมร้านกาแฟ วิวสวย

รวมร้านกาแฟ วิวสวย



          'เลอ บอนเนอร์' อีกหนึ่งร้านกาแฟอันโดดเด่นแห่งเขาค้อ ตัวร้านตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของภูเขาน้อยใหญ่ในเขาค้อได้อย่างสวยงามสุด ๆ ยิ่งในช่วงฤดูฝนจนถึงหน้าหนาวจะมีทะเลหมอกให้ได้นั่งยลกันอย่างจุใจ อีกทั้งยังมีบรรยากาศเงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนชมวิวสวยกันแบบเพลิน ๆ ได้จิบกาแฟอุ่น ๆ หนึ่งอึก แล้วกัดขนมปังโฮมเมดสุดอร่อยหนึ่งคำ แล้วค่อยมองภาพสวย ๆ ตรงหน้า แบบนี้ล่ะที่เรียกว่า...ฟิน

          ที่ตั้ง : ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
          เวลาเปิด-ปิด : 08.00-19.00 น.
          โทรศัพท์ : 08 6299 5954
          เฟซบุ๊ก : Le Bonheur khaokho

8. โมอาย เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

รวมร้านกาแฟ วิวสวย


รวมร้านกาแฟ วิวสวย

รวมร้านกาแฟ วิวสวย
 

          'โมอาย เขาค้อ' ร้านกาแฟสไตล์สุดเก๋ไก๋ โดดเด่นด้วยรูปปั้นหินโมอายขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี และยังตกแต่งร้านด้วยผนังหินสีเทา ให้ความรู้สึกน่าค้นหามาก ๆ ด้านหลังเปิดโล่งกว้าง เพื่อให้ลูกค้าได้ชมวิวของขุนเขาสีเขียวและทะเลหมอกได้อย่างชัดเจน ความสวยงามของมันราวกับสวรรค์เลยทีเดียว ยิ่งมองบรรยากาศก็ยิ่งคล้ายยุโรป มีกาแฟอุ่น ๆ มาจิบหน่อย สูดอากาศสดชื่นเข้าไปอีกนิด มันคือการพักผ่อนที่ใช่เลย

          ที่ตั้ง : ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.
          โทรศัพท์ : 08 0011 8858
          เฟซบุ๊ก : Moai-khao kho

9. มันดี กล่อง กลาง ทุ่ง จังหวัดพิษณุโลก

รวมร้านกาแฟ วิวสวย
 

รวมร้านกาแฟ วิวสวย

รวมร้านกาแฟ วิวสวย


          'มันดี กล่อง กลาง ทุ่ง' ร้านกาแฟสุดชิคท่ามกลางทุ่งนาอันเขียวขจี เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวพักผ่อนดี ๆ ในจังหวัดพิษณุโลก มีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาเป็นตัวร้าน และออกแบบให้สามารถมองเห็นท้องทุ่งนาสีเขียวได้แบบไกลสุดลูกหูลูกตา มีที่นั่งให้ลูกค้าทั้งในตัวร้าน และบริเวณนอกชาน อากาศเย็นสบายและสดชื่นมาก ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารหลากหลายเมนู 

          ที่ตั้ง : ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
          เวลาเปิด-ปิด : 09.30-18.00 น.

รู้หรือไม่ ! กระเป๋าช่องเล็ก ๆ ของกางเกงยีนส์มีไว้ทำอะไร ?

กางเกงยีนส์
          เคลียร์ทุกปัญหาคาใจ... กระเป๋าช่องเล็ก ๆ ของกางเกงยีนส์ มีไว้ทำไม ไว้ใส่ของหรือแค่แฟชั่น วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

           กางเกงยีนส์ กางเกงแฟชั่นสุดฮิตของใครหลาย ๆ คน ที่ไม่ว่าจะใส่ในโอกาสอะไรก็ยังสวยและอินเทรนด์ได้อยู่เสมอ ไม่มีวันตกยุคได้ง่าย ๆ แม้ปัจจุบันจะมีกางเกงยีนส์ออกมาหลายแบบหลายสไตล์ แต่เอกลักษณ์ของกางเกงยีนส์ที่นอกจากจะมีสียีนส์และเนื้อผ้าเฉพาะแบบแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่กางเกงยีนส์ทุกตัวต้องมีก็คือ กระเป๋าเล็ก ๆ ที่อยู่บนกระเป๋าด้านหน้า ที่หลายคนอาจสงสัยว่ามันมีไว้เพื่ออะไร เพื่อความสวยงาม หรือเอาไว้ใส่อะไรกันแน่ และเพื่อเป็นการไขข้อข้องใจของทุกคน วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากทุกคนแล้วค่ะ

กางเกงยีนส์
          กางเกงยีนส์นั้นถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ในยุคสมัยของคาวบอย ประมาณปี ค.ศ. 1872 ซึ่งพวกผู้ชายหรือคนงานนิยมใส่ทำงานกันมาก เพราะกางเกงยีนส์มีความคงทน ขาดยาก ซึ่งส่วนของกระเป๋าช่องเล็ก ๆ นั้น มีไว้สำหรับใส่นาฬิกาล็อกเกต หรือนาฬิกาพกของคนงาน เพราะในสมัยนั้นนาฬิกาข้อมือยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก โดยพวกคนงานจะพกนาฬิกาล็อกเกตผูกไว้กับโซ่ ทางลีวายส์ (Levi's) ผู้ผลิตกางเกงยีนส์ เห็นอย่างนั้น จึงเพิ่มกระเป๋าใบเล็กบนกางเกงยีนส์ที่เรียกว่า กระเป๋านาฬิกา ไว้สำหรับใส่นาฬิกาล็อกเกต เพื่อความสะดวกในการหยิบจับ และยังป้องกันการกระแทกได้อีกด้วย และถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครใช้กระเป๋าช่องเล็ก ๆ ไว้ใส่นาฬิกาพกแล้ว แต่กระเป๋าเล็กก็ยังคงถูกดีไซน์ให้เป็นเอกลักษณ์คู่กับกางเกงยีนส์มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกางเกงยีนส์ที่มีความคลาสสิกมากจริง ๆ ค่ะ