วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ประวัติย่อการล่าสัตว์ของมนุษย์


        เด็้กหญิงวัย 13 ปีจากสหรัฐฯ นำซากบอนทีบอก (bontebox) กลับค่ายพักแรมในอีสเทิร์นเคป ประเทศแอฟริกาใต้ เธอยิงแอนทิโลปตัวนี้ได้เมื่อปี 2010 และเก็บหนังกับเขาไว้เป็นอนุสรณ





 ปี 2016 พรานชาวเยอรมัซึ่งยิงกวางดูดูไปแล้ว ฆ่าช้างเพศผู้อายุมาก เหล่าพรานให้เหตุผลว่าการฆ่าสัตว์เพศผู้อายุมากทำอันตรายชนิดพันธุ์นั้นๆ น้อยที่สุด แต่จอยซ์ พูเลอ นักชีววิทยา แย้งว่า “ช้างเพศผู้อายุมากมีบทบาทสำคัญที่สุดในโขลง”

 พรานฝึกหัดวัย 15 ปีมาฝึกภาคสนามที่ไร่เอฟทีดับเบิลยูในรัฐเทกซัสเมื่อปี 2016 ก่อนจะลงสนามล่าจริง


          “เราเป็นผู้บริโภคธรรมชาติมากกว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ” – ไมเคิล แพเทอร์นิที
กระดูกสันหลังของช้างแมมมอทขนยาวซึ่งพบตรงบริเวณที่แม่นํ้าออบและแม่นํ้าอีร์ติชไหลมาบรรจบกันดูเหมือนว่าถูกแทงด้วยอาวุธที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยมีร่องรอยของสะเก็ดหินอยู่ภายในกระดูกชิ้นหนึ่ง เป็นหลักฐานการล่าสัตว์แรกสุดที่แสดงว่าช้างถูกฆ่าด้วยนํ้ามือมนุษย์ ซึ่งสืบย้อนกลับไปถึงไซบีเรียเมื่อเกือบ 14,000 ปีก่อน
    ทว่าการล่าสัตว์เป็นมากกว่าเครื่องตอบแทนเพื่อการยังชีพ เพราะเมื่อถึงยุคหนึ่งการล่าสัตว์กลายเป็นเครื่องแสดงสถานะในสังคมความเป็นชายและพลังอำนาจ  ภาพสลักของชาวอัสซีเรียเมื่อ 650 ปีก่อนคริสตกาล แสดงภาพสิงโตกำลังถูกปล่อยจากกรงเพื่อให้กษัตริย์ที่ทรงรถม้าฆ่า  ขณะที่ชาวมาไซฆ่าสิงโตในพิธีเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้ใหญ่มาช้านานแล้ว เป็นต้น
    เมื่อมีอาวุธดีขึ้น การล่าสัตว์ยังวิวัฒน์เป็นกีฬาที่มีการแบ่งชนชั้นและบางครั้งเป็นตัวอย่างอันร้ายกาจของ ความสูญเปล่า ในบันทึกจากปี 1760 ของชไนเดอร์เคาน์ตี รัฐเพนซิลเวเนีย พรานสองคนยิงสัตว์ป่ามากกว่าหนึ่งพันตัว เมื่อล่วงเข้าสู่ปลายศตวรรษที่สิบแปด พรานนิรนามชาวอังกฤษเขียนหนังสือชื่อ คู่มือนักกีฬา หรือ ความเรียงเรื่องการยิงสัตว์ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการล่าสัตว์อย่างยุติธรรมและบรรยายถึง “กฎเกณฑ์สำหรับสุภาพบุรุษ” รวมถึงการจำกัดจำนวนสัตว์ที่ถูกฆ่า ในปี 1887 เทโอดอร์ (เท็ดดี) โรสเวลต์ ก่อตั้งชมรมบูนและคร็อกเกตต์ อันเป็นการรวมตัวของกลุ่มพรานผู้ทรงอิทธิพลชาวอเมริกัน และต่อมามีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งระบบอุทยานแห่งชาติของสหรัฐฯ
   
    ต่อมาในปี 1934 ที่โรงแรมนอร์ฟอล์กในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา พรานชาวผิวขาวก่อตั้งสมาคมพรานอาชีพ แอฟริกาตะวันออกขึ้น สมาคมนี้ประกาศหลักเกณฑ์ เกียรติยศ และผลักดันให้ออกเป็นกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ รวมถึงการห้ามยิงสัตว์เพศเมียเกือบทุกชนิด  การยิงสัตว์ใกล้แหล่งนํ้าหรือใกล้ยานพาหนะ ขณะที่สมาชิกทำงานเพื่ออนุรักษ์พื้นที่ล่าสัตว์ พวกเขากำจัดสัตว์จำนวนมากไปจากแอฟริกา           ปัจจุบันเทคโนโลยีรุดหน้าไปอย่างก้าวกระโดดด้วยการใช้โดรน วิดีโอบันทึกการล่าสัตว์ และปืนไรเฟิลแรงสูงติดตั้งเครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์
     ขณะเดียวกัน “ภาพถ่ายกับซาก” (kill shot) ซึ่งเป็นภาพถ่ายของพรานคู่กับสัตว์ที่ล่าได้ปลุกเร้าความรู้สึกต่อต้านและรังเกียจในหมู่นักรณรงค์ด้านสิทธิสัตว์และสาธารณชนทั่วไป ผู้คนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อวอลเทอร์ พาล์เมอร์ ทันตแพทย์ชาวมินนีแอโพลิส ล่าและฆ่าเซซิล สิงโตชื่อดังในซิมบับเว เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2015 เรื่องอื้อฉาวทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ปี 2017 เมื่อซานดา ลูกเพศผู้ของเซซิลถูกยิงในการล่าเพื่อเป็นรางวัลอย่างถูกกฎหมาย
     ในแอฟริกาใต้ซึ่งมีสิงโตป่าประมาณ 2,000 ตัว การล่าสิงโตเลี้ยงเติบโตกลายเป็นอุตสาหกรรมมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีไร่หรือฟาร์มกว่า 200 แห่งเลี้ยงสัตว์วงศ์แมวขนาดใหญ่เหล่านี้ประมาณ 6,000 ตัว เพื่อให้ฆ่าได้อย่างง่ายๆ  เอียน มิคเลอร์ ผู้จัดซาฟารีและช่างภาพชาวแอฟริกาใต้ผู้สืบหาความจริงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสิงโตเลี้ยงให้ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง สิงโตเลือด (Blood Lions) ระบุว่า บางครั้งสิงโตถูกขังและขยายพันธุ์ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย  ลูกสิงโตถูกพรากจากแม่เพื่อส่งไปสวนสัตว์  เมื่อสิงโตเพศผู้เติบโตจนเต็มวัยหลายตัวถูกยิงและฆ่าแลกกับค่าธรรมเนียม “การล่าสัตว์” ที่ถูกกว่ามาก เมื่อเทียบกับการล่าสิงโตป่าในทริปมาตรฐาน 21 วัน (5,000 ถึง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐและสูงกว่านั้น) ทั้งยังแทบรับประกันได้ว่าคุณล่าได้อย่างแน่นอน “น่าตกใจจริง ๆ ครับ พฤติกรรมนี้วิปลาสไปแล้ว”
    การล่าสัตว์ที่เลี้ยงมาเพื่อล่าโดยเฉพาะนี้ส่งผลกระทบเลวร้ายอีกอย่างหนึ่ง กล่าวคือขณะที่พรานได้ผืนหนังและหัวสัตว์ไปเชยชมอย่างมีความสุข  ทุกวันนี้กระดูกกลับเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด โดยจะถูกส่งไปเอเชียเพื่อปรุงเป็นยาแผนโบราณหรือยาโป๊ว  ปี 2017 แอฟริกาใต้อนุญาตให้ส่งออกโครงกระดูกสิงโตมากถึง 800 โครงนักชีววิทยา กลุ่มนักอนุรักษ์ และนักรณรงค์ด้าน สิทธิสัตว์แสดงความวิตกว่า การที่แอฟริกาใต้อนุญาตให้ค้าและทำให้การค้าชิ้นส่วนสิงโตเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์หรือความต้องการกระดูกสิงโตมากขึ้น และอาจทำให้สิงโตในธรรมชาติที่เหลืออยู่ประมาณ 20,000 ตัวของแอฟริกาถูกฆ่ามากขึ้น