วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

“ลักษทวีป” หนึ่งเดียวใน “อินเดีย” ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19

หนึ่งในประเทศลำดับต้นๆ ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด ก็คือ “อินเดีย” โดยล่าสุดนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อราว 1.2 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก (ข้อมูลวันที่ 22 ก.ค.63) มีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ทั่วประเทศ และยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในแต่ละวันราว 2-3 หมื่นคน

ในขณะที่ส่วนต่างๆ ในประเทศอินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังมีพื้นที่เล็กๆ ที่เชื้อโควิด-19 ยังไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ เป็นเพียงพื้นที่แห่งเดียวในอินเดียที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ นั่นก็คือ “ลักษทวีป”

มาทำความรู้จักกับหนึ่งเดียวแห่งนี้ในอินเดียที่โควิด-19 ยังเจาะไข่แดงไม่ได้

Minicoy island หนึ่งในเกาะชื่อดังของลักษทวีป (ภาพ : www.cntraveller.in)

    “ลักษทวีป” (Lakshadweep) เดิมชื่อว่า หมู่เกาะลักกาดีฟ มินิคอย และอามินดีวิ เป็นดินแดนสหภาพของอินเดีย ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ประมาณ 200-300 กิโลเมตร ถือเป็นเขตการปกครองสหภาพที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศอินเดีย มีเมืองหลวงชื่อ “กวรัตติ”

ในพื้นที่ของลักษทวีป มีเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่รวมกันหลายๆ เกาะ ซึ่งชื่อ “ลักษทวีป” ที่มาจากภาษาสันสกฤต ก็มีความหมายว่าดินแดนที่มีหมู่เกาะจำนวนนับแสนเกาะ แน่นอนว่าแหล่งท่องเที่ยวของลักษทวีปก็ต้องเน้นไปทางธรรมชาติ หาดทราย ชายทะเลเกาะบังกะราม (ภาพ : https://kahindoor.com/7-things-to-do-at-bangaram-island)
      ลักษทวีปเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวอินเดียมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 ซึ่งรัฐบาลอินเดียมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังเพื่อหารายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ โดยเกาะบังกะราม และ เกาะคัดมัธ ถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แต่ต้องบอกก่อนว่าที่ลักษทวีปยังเปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวเพียงไม่กี่เกาะ โดยผู้ที่จะเข้าไปเที่ยวนั้นจะต้องมีใบอนุญาต ซึ่งหากเป็นชาวต่างชาติจะได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมได้เพียงบางเกาะเท่านั้น และตามกฎหมายของอินเดีย ไม่อนุญาตให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษทวีป ยกเว้นบนเกาะบังกะรามเท่านั้นเกาะกวรัตติ (ภาพ : https://lakshadweep.gov.in)
สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยว ก็มีตั้งแต่กิจกรรมทางน้ำ เช่น การดำน้ำลึก ดำน้ำตื้น พายเรือคายัค พายเรือแคนู โต้คลื่น สกีน้ำ ล่องเรือยอร์ช หรือแม้แต่การนั่งชิลๆ ริมหาด นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่ง อย่างเช่นบน “เกาะกวรัตติ” มี “มัสยิด Ujra” ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีเสาแกะสลักและเฉลียงที่ออกแบบและแกะสลักอย่างปราณีต หลังคาของมัสยิดจะเป็นกระเบื้องลาดลงมาเนื่องจากเป็นพื้นที่เกาะที่มีฝนตกตลอดทั้งปี “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกวรัตติ” มีการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตบนเกาะ สัตว์น้ำเขตร้อน ฉลาม และปะการังสายพันธุ์ต่างๆเกาะคัดมัธ (ภาพ : www.outlookindia.com) ส่วนที่ “เกาะคัดมัธ” มีรีสอร์ทหนึ่งแห่งตั้งอยู่ริมชายหาด สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ 50 คน กิจกรรมบนเกาะก็มีการพายเรือคายัค ดำน้ำดูปะการัง และนั่งเรือท้องกระจกเพื่อชมโลกใต้น้ำ “เกาะอกัตติ” เป็นเกาะที่มีพื้นที่เป็นแนวยาวราว 7.6 กิโลเมตร ท้องทะเลสวยงาม แนวปะการังอุดมสมบูรณ์ และบนเกาะนี้เป็นที่ตั้งของสนามบินเพียงแห่งเดียวของลักษทวีป ด้วยพื้นที่เล็กๆ และยังเป็นพื้นที่หมู่เกาะ รวมถึงมีการข้อจำกัดในการเดินทางเข้าไปยังเกาะต่างๆ ทำให้ตอนนี้ “ลักษทวีป” ยังคงเป็นพื้นที่เดียวในประเทศอินเดียที่ยังคงปลอดจากโควิด-19 แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าในอนาคตจะถูกเจาะไข่แดงหรือไม่เกาะอกัตติ (ภาพ : https://lakshadweep.gov.in)

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองคืออะไร เสี่ยงเกิดการระบาดใหญ่แค่ไหน

Plague mask 
 หมอกาฬโรคสวมชุดอันเป็นเอกลักษณ์ โดยหน้ากากมีจงอยไว้ใส่เครื่องหอมหรือสมุนไพรที่ช่วยลดกลิ่นเหม็นจากผู้ป่วยกาฬโรค

      ข่าวที่ทางการจีนยกระดับการเตือนภัย หลังจากพบผู้ติดเชื้อกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง (bubonic plague) ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน นับเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุขจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

กาฬโรค เป็นหนึ่งในโรคภัยไข้เจ็บที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แต่ในปัจจุบันโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ

      

กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองคืออะไร

กาฬโรค เป็นโรคติดเชื้อที่อาจมีอันตรายถึงชีวิต เกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อ "เยอร์ซีเนีย เพสติส" (Yersinia Pestis) ที่อาศัยอยู่ในสัตว์บางชนิด ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก เช่น หนู และกระรอก รวมถึงหมัดที่อยู่บนตัวมัน

กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง เป็นกาฬโรคชนิดที่พบบ่อยในมนุษย์ ชื่อของมันมาจากอาการที่เกิดจากโรค นั่นคือ อาการอักเสบและปวดบวมที่ต่อมน้ำเหลือง หรือบริเวณขาหนีบ และรักแร้

ระหว่างปี 2010 - 2015 มีผู้ป่วยกาฬโรค 3,248 รายทั่วโลก ในจำนวนนี้ 584 รายเสียชีวิต

ในประวัติศาสตร์ การระบาดใหญ่ของโรคนี้ถูกเรียกว่า "กาฬมรณะ หรือ ความตายสีดำ" (Black Death) ซึ่งหมายถึงภาวะเนื้อเยื่อตายและเน่าเปื่อยตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น นิ้วมือ นิ้วเท้า ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคนี้

ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร

คนทั่วไปมักเริ่มแสดงอาการป่วยหลังจากติดเชื้อกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองไปราว 2-6 วัน

อาการเริ่มต้นอาจมีไข้และหนาวสั่น รวมถึง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และต่อมน้ำเหลืองบวม เจ็บ หรือมีความรู้สึกไว อย่างน้อย 1 จุด เช่น ที่ขาหนีบ รักแร้ หรือคอ โดยจะมีขนาดประมาณไข่ไก่

นอกจากนี้ กาฬโรค ยังอาจส่งผลต่อปอด ทำให้ไอ เจ็บหน้าอก และหายใจลำบาก

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย และเมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดก็จะทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลาย อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิตได้ในที่สุด

กาฬโรคติดอย่างไร

มนุษย์สามารถติดกาฬโรคได้ดังต่อไปนี้

  • ถูกตัวหมัดที่มีเชื้อแบคทีเรียก่อโรคกัด
  • สัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น หนู
  • สูดหายใจเอาละอองฝอยจากการไอจามของคนหรือสัตว์ที่ติดเชื้อเข้าไป

สัตว์เลี้ยง เช่น แมว และสุนัข สามารถติดเชื้อกาฬโรคได้จากการถูกหมัดกัดหรือการกินสัตว์ฟันแทะที่ติดเชื้อ

เชื้ออาจเข้าสู่ร่างกายได้ทางบาดแผลเปิดที่ผิวหนัง หากบุคคลนั้นสัมผัสกับเลือดสัตว์ที่ติดเชื้อ

ในประกาศเตือนภัยครั้งล่าสุดของจีนได้สั่งห้ามการล่าและกินเนื้อสัตว์ที่อาจเป็นพาหะของโรค โดยเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว พบว่ามีผู้ป่วย 2 คนเสียชีวิตด้วยกาฬโรคที่มองโกเลีย จากการติดเชื้อภายหลังรับประทานเนื้อกระรอกดินดิบ

ศพของผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ผ่านการสัมผัสใกล้ชิด เช่น ผู้ที่รับหน้าที่เตรียมศพสำหรับการฝัง เป็นต้น

Marmot, 2018 file pic
คำบรรยายภาพ,

คนในมองโกเลียมีความเชื่อว่าเนื้อกระรอกดิบและไตของมันเป็นยาพื้นบ้านที่ดีต่อสุขภาพ แต่สัตว์ชนิดนี้เป็นพาหะของแบคทีเรียก่อกาฬโรค

รักษาอย่างไร

การรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยยาปฏิชีวนะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้มักทำให้อาการรุนแรงถึงชีวิต

การวินิจฉัยโรค โดยใช้การทดสอบในห้องปฏิบัติการ และการตรวจตัวอย่างเลือดรวมทั้งส่วนอื่น ๆ สามารถช่วยรักษาชีวิตผู้ป่วยได้

มีโอกาสจะเกิดการระบาดใหญ่ของกาฬโรคขึ้นมาอีกหรือไม่

แม้จะเป็นโรคร้ายที่เราเคยได้ยินมาว่าทำให้มีผู้คนล้มตายไปหลายล้านคนในช่วงศตวรรษที่ 14 เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 19 แต่ปัจจุบันกาฬโรคยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้พบการระบาดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และมาดากัสการ์ แต่ไม่ใช่การระบาดใหญ่

นพ.แมตธิว ดรายเดน นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตันในอังกฤษ กล่าวถึงข่าวการพบผู้ติดเชื้อกาฬโรคในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ว่า "เป็นเรื่องดีที่มีการตรวจพบและรายงานแต่เนิ่น ๆ เพราะจะช่วยให้สามารถกักโรค รักษา และป้องกันการแพร่ระบาดได้"

"กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่เหมือนโรคโควิด-19 ดังนั้นจึงสามารถให้การรักษาได้ง่ายในทันทีด้วยยาปฏิชีวนะ" เขากล่าว