วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เที่ยวไทยเดือนกรกฎาคม เที่ยวป่าก็ได้ ทะเลก็ดี ประเพณีห้ามพลาดเพียบ

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม
          ชวนไปรับความสดชื่นในหน้าฝน ยลที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและเทศกาลประเพณีที่น่าสนใจ วางแผนหาที่เที่ยวไทยสวย ๆ ในเดือนกรกฎาคม ต้องมาดูที่เที่ยวเหล่านี้กัน

          ช่วงเดือนกรกฎาคม ยังถือว่าอยู่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะไม่นิยมไปเที่ยวป่าเที่ยวไพร หรือเดินทางไปไหนมาไหนกันมากนัก บางคนกลัวความเฉอะแฉะ บางคนก็จะเก็บเงินไว้เที่ยวทีเดียวหน้าหนาว และไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวในช่วงนี้ ก็อาจจะทำให้เราพลาดอะไรดี ๆ ไปหลายสิ่งเลยล่ะ อย่างป่าเขาเองก็เป็นช่วงที่มีความเขียวขจีมากที่สุด อากาศเย็นสบาย บางพื้นที่มีดอกไม้ป่าให้ชมกันแบบตระการตา หรือแม้แต่จะเป็นประเพณีที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ก็ล้วนแต่หาดูยากทั้งสิ้น วันนี้เราจะมายั่วน้ำลายกันหน่อยค่ะ ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเดือนกรกฎาคมสวย ๆ บอกเลยว่าแต่ละที่จะทำให้คุณอยากเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันเลยทีเดียว


1. ทุ่งดอกเปราะภูสีขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดเลย

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม
          อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ภายในอุทยานมีที่เที่ยวให้ได้ไปเยือนมากมาย อาทิ ภูแผงม้า, น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร, ลานหินปุ่ม, ลานหินแตก, น้ำตกหมันแดง, กังหันน้ำ, ผาชูธง, โรงเรียนการเมืองการทหาร เป็นต้น แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในหน้าฝน ก็คือ ทุ่งดอกเปราะภูสีขาว ที่จะออกดอกสีขาวบานสะพรั่งบริเวณลานหินปุ่ม และบริเวณผาชูธง ซึ่งจะบานมากที่สุดในช่วงเดือนกรกรฎาคมของทุกปี สามารถถ่ายรูปได้อย่างสวยงามสุด ๆ

2. เทศกาลล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม
          กิจกรรมล่องแก่ง เป็นกิจกรรมที่สามารถเล่นได้อย่างสนุกสนานมากที่สุดในช่วงหน้าฝน ซึ่งมีหลายแห่งในประเทศไทยที่สามารถไปล่องแก่งกันได้ แต่สถานที่ที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ มากนักก็คือ แก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี ที่จะมีระดับความยากของการล่องแก่งอยู่ที่ 3-5 เหมาะสำหรับคนที่ชอบความท้าทาย และอยากสนุกสนานกับสายน้ำ ไม่เพียงเท่านั้นจังหวัดปราจีนบุรียังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้ได้ไปเที่ยวชมอีกมากมายอีกด้วย อาทิ ดาษดาแกลเลอรี่, เขาทุ่ง, The Verona at Tublan, พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร, อุทยานแห่งชาติทับลาน, น้ำตกเขาอีโต้, โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ, อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เป็นต้น

3. นาข้าวขั้นบันได แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม
          นาข้าวขั้นบันได แม่แจ่ม เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเที่ยวหน้าฝน เพราะนาข้าวทั้งผืนที่ตั้งอยู่ลดหลั่นกันลงไปตามแนวชายเขาจะเป็นสีเขียวขจีสดใส อากาศเย็นสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบมาก เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนนอนโฮมสเตย์ริมท้องนา ยามค่ำคืนนอนมองดาวนับล้านดวง แล้วค่อยตื่นมาจิบกาแฟ นั่งชมหมอกบาง ๆ ที่ลอยละล่องอยู่เหนือนาข้าว เป็นประบการณ์ที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ

4. งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา อุบลราชธานี

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม
ภาพจาก Ford Contributor / Shutterstock
          งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา อุบลราชธานี ถือได้ว่าเป็นงานที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างให้ความสนใจ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จะได้ชมประติมากรรมเทียนแกะสลักอันสวยงามวิจิตรบรรจง อีกทั้งยังมีขบวนแห่เทียนที่สวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา พร้อมกับกิจกรรมออกร้านของชุมชน ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นได้ในราคาย่อมเยา โดยในปี 2560 จะมีการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา อุบลราชธานี ในวันที่ 1-9 กรกฎาคม ณ บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

5. งานแห่เทียนพรรษาทางน้ำ ณ คลองลาดชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม
ภาพจาก patchiya wasitworapol / Shutterstock
          ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา เป็นประเพณีที่มีการจัดงานทั่วเมืองไทย ซึ่งแต่ละที่ก็จะจัดแตกต่างกันออกไปตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่น แต่ที่โดดเด่นและน่าไปเที่ยวชมมาก ๆ ก็คือ งานแห่เทียนพรรษาทางน้ำ ณ คลองลาดชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านจะนำเทียนขึ้นเรือ แล้วประดับประดาด้วยดอกไม้และของตกแต่งต่าง ๆ อย่างสวยงาม จากนั้นจะพากันพายเรือนำเทียนไปถวายที่วัดลาดชะโด ซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดลาดชะโด ในปี 2560 จะมีการจัดงานแห่เทียนพรรษาทางน้ำ ณ คลองลาดชะโด ในวันที่ 8 กรกฎาคม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก งานแห่เทียนพรรษาทางน้ำ ณ คลองลาดชะโด

6. เกาะเต่า-เกาะนางยวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม

          ใครว่าหน้าฝนเที่ยวทะเลไทยไม่ได้ ถึงแม้ว่าทะเลทางฝั่งตะวันออก และทะเลทางฝั่งอันดามันจะเป็นช่วงมรสุม แต่ทางฝั่งทะเลอ่าวไทยในช่วงเกาะเต่า-เกาะนางยวน รวมไปถึงเกาะสมุย หมู่เกาะอ่างทอง และทะเลทางฝั่งจังหวัดชุมพร กลับเป็นช่วงที่ไม่มีลมมรสุมและน่าท่องเที่ยวมาก ๆ น้ำทะเลเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใส อากาศกำลังเย็นสบาย บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การไปดำน้ำชมปะการังและเล่นน้ำทะเลแบบเบา ๆ จะไปคนเดียว ไปเป็นคู่ หรือไปเป็นแก๊ง ก็สามารถดื่มด่ำกับความสวยงามของเกาะเต่า-เกาะนางยวนได้อย่างเต็มที่เช่นกัน

7. ปั่นจักรยานชิล ๆ เลียบริมโขง จังหวัดนครพนม

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม

          จังหวัดนครพนม เป็นอีกหนึ่งจังหวัดของภาคอีสานที่เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนมาก ๆ เพราะยังมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวไม่เยอะเท่าไร และชาวบ้านในพื้นที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ จึงทำให้บรรยากาศในเมืองนครพนมน่าเที่ยวน่าอยู่อาศัย โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำโขง ที่มีการปรับปรุงพื้นที่ให้กลายเป็นเส้นทางปั่นจักรยานและออกกำลังสุดชิล มีระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร ซึ่งตลอดทั้งเส้นทางก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ ของนครพนมให้แวะพักเที่ยวชมอีกด้วย อาทิ พญาศรีสัตตนาคราช, หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์, พระธาตุนคร, วัดนักบุญอันนา, พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นต้น

8. เกาะกุลา เกาะลังกาจิว และหมู่เกาะชุมพร จังหวัดชุมพร

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม

          หน้าฝนก็เที่ยวทะเลได้ เพราะทะเลทางฝั่งอ่าวไทย จะไม่มีมรสุม ซึ่งจะสามารถเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคมเลยทีเดียว แหล่งท่องเที่ยวทะเลอีกหนึ่งแห่งทางฝั่งทะเลอ่าวไทยที่อยากจะแนะนำก็คือ ท้องทะเลในหมู่เกาะชุมพร ซึ่งยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งบนบกและใต้น้ำ มีแนวปะการังสวย ๆ ให้ไปแหวกว่ายชมมากมาย หรือจะเป็นหาดทรายขาวสะอาด บรรยากาศเงียบสงบ ก็มีให้เลือกพักผ่อนกันแบบชิล ๆ โดยเฉพาะเกาะกุลา และเกาะลังกาจิว ที่มีธรรมชาติสวยโดดเด่น เกาะกุลามีที่พักบนเกาะ สามารถไปนอนพักค้างคืนได้

9. น้ำตกคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม

          น้ำตกคลองลาน ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย มีความสูงประมาณ 100 เมตร กว้าง 40 เมตร น้ำจะไหลลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง ซึ่งสามารถลงเล่นน้ำได้ บริเวณโดยรอบน้ำตกจะมีต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ อากาศเย็นสบายมาก เหมาะสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อน ปิกนิกกับกลุ่มเพื่อนและครอบครัว

10. น้ำตกทีลอซู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม

ที่เที่ยวเดือนกรกฎาคม

          น้ำตกทีลอซู เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองไทย มีความสูงประมาณ 300 เมตร กว้าง 500 เมตร เป็นน้ำตกที่อยู่กลางหุบเขา ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยป่าไม้เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ ช่วงท่องเที่ยวที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เพราะมีปริมาณน้ำเยอะ ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกทีลอซูอย่างชัดเจน วิธีการเข้าไปยังน้ำตก ก็ไม่ได้ง่ายดายนัก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน จะต้องเข้าไปโดยทางเรือและเดินเท้าเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โทรศัพท์ 0 5550 8780, 08 8427 5272

          หูย...มีแต่สถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ นี่แหละความสวยงามที่สายฝนแอบซ่อนเราไว้ ใครอยากไปพักผ่อนในช่วงเดือนกรกฎาคม ก็ตามรอยที่เที่ยวเหล่านี้ไปเที่ยวกันได้เลย :)

9 ที่พักเกาะช้าง ปิ้งย่างได้ สร้างความสุขและชิลได้เต็มที่

ที่พักเกาะช้าง
          ที่พักเกาะช้าง ปิ้งย่างได้ อีกหนึ่งประเภทที่พักเกาะช้างที่จะสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับก๊วนเพื่อนและครอบครัว สัมผัสบรรยากาศของทะเล แถมยังอิ่มท้องไปพร้อม ๆ กัน

          น่าจะดีไม่น้อยเลยถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราได้เดินทางไปพักตากอากาศที่เกาะช้าง แล้วสามารถทำอาหารปิ้งย่างกินกันเองได้ แบบไม่ต้องง้อครัวของที่พัก รับรองว่าต้องถูกใจกลุ่มก๊วนเพื่อนและครอบครัวที่เราพาไปด้วยอย่างแน่นอน วันนี้เราก็เลยขอเอาใจด้วยการแนะนำ "ที่พักเกาะช้าง ปิ้งย่าง" ได้มาฝาก คราวนี้ก็จะได้สนุกกันแบบเต็มเหนี่ยว กินอิ่มนอนหลับ พักผ่อนกันเต็มที่ แต่จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ลองมาดูด้วยกันเลยค่ะ
1. ลุงเฉลิมบังกะโล


ที่พักเกาะช้าง

          ที่พักเกาะช้างที่เน้นความเรียบง่าย สบาย ๆ ที่พร้อมเต็มใจให้ลูกค้าที่เข้ามาพักได้รับแต่ความสุข ความสนุก และความชิลไปเต็มกระเป๋า มีทั้งรถจักรยานยนต์ให้เช่า มีที่จอดรถสะดวกสบาย มีอาหารตามสั่งราคาถูก และมีเตาปิ้งย่างไว้บริการปิ้งย่างอาหารได้ พร้อมด้วยห้องพักหลากหลายประเภท ทั้งห้องแอร์ ห้องพัดลม และโฮมสเตย์ ที่เอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวได้หลากหลายทุกเพศทุกวัย แถมยังสามารถพาน้องหมาไปพักผ่อนได้อีกด้วยค่ะ (แต่ต้องตัวไม่ใหญ่มาก เพราะลักษณะห้องไม่ได้กว้างมากนัก)

          ที่อยู่ : 9/1 หมู่ 1 ตำบลเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 081 175 6346
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ลุงเฉลิมบังกะโล

2. บ้านแม่รีสอร์ท เกาะช้าง

ที่พักเกาะช้าง
ที่พักเกาะช้าง

          ที่พักเกาะช้างติดทะเล บรรยากาศเป็นส่วนตัว ท่ามกลางธรรมชาติ ให้บริการที่พักทั้งแบบบังกะโลและแบบบ้านเดี่ยว ล้อมรอบด้วยผลไม้และต้นไม้นานาชนิด ทั้งยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำสนุก ๆ ทั้งการพายเรือแคนู, เดินเล่นชมวิวสวย ๆ ริมชายทะเล, ดำน้ำ หรือตกปลา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเตาย่างบาร์บีคิว ปิ้งย่างได้อิ่มจนพุงกาง (อนุญาตให้ประกอบอาหารเฉพาะบริเวณที่จัดให้เท่านั้น) "บ้านแม่รีสอร์ท" น่าจะเป็นอีกหนึ่งที่พักเกาะช้างดี ๆ ที่จะสร้างความสุขให้กับทุกคนได้อย่างแท้จริง

          ที่อยู่ : 12/3 บ้านเจ็กแบ้ หมู่ 3 ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 081 073 6642
          เว็บไซต์ : banmaeresort.com หรือ เฟซบุ๊ก บ้านแม่รีสอร์ท เกาะช้าง จ.ตราด

3. ป้าจิ้ม โฮมสเตย์เกาะช้าง

ที่พักเกาะช้าง

ที่พักเกาะช้าง

          มีลักษณะเป็นบ้านพักแบบบังกะโลริมทะเล ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ พิเศษตรงที่บ้านพักทุกหลังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของประภาคารท่าเรือบางเบ้าและหมู่บ้านชาวประมงได้อย่างชัดเจน มีบ้านพักให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบบ้านพักบังกะโลริมทะเล และบ้านพักหลังใหญ่เหมาะสำหรับกรุ๊ปครอบครัวและกลุ่มเพื่อน หรือใครที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ที่นี่ก็สามารถกางเต็นท์ หรือจะจัดปาร์ตี้ริมทะเลได้ในบรรยากาศสุดชิล วิวทะเลสุดเก๋ ที่มาพร้อมด้วยโปรแกรมเที่ยวสุดคุ้ม ทั้งตกหมึก ดำน้ำ และบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแบบไม่อั้น

          ที่อยู่ : ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 099 918 4288, 080 093 9891
          เว็บไซต์ : jnhomestay.com หรือ เฟซุบ๊ก ป้าจิ้มโฮมสเตย์เกาะช้าง จ.ตราด

4. BAAN ChidTalay

ที่พักเกาะช้าง

ที่พักเกาะช้าง

          อีกหนึ่งที่พักเกาะช้างบรรยากาศสบายและเป็นส่วนตัว แนบชิดติดทะเลกันเลยทีเดียว บริการเป็นกันเอง แถมยังยินดีต้อนรับน้องหมาอีกด้วยนะคะ ที่สำคัญยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น น้ำตกธารมะยม, น้ำตกคลองนนทรี, บ้านหนังสือลุงแดง, วัดสลักเพชร, ชุมชนสลักคอก, อนุสาวรีย์ยุทธนาวีเกาะช้าง และสะพานตกปลา เป็นต้น ภายในยังมีร้านกาแฟเก๋ ๆ น่านั่ง จำหน่ายพวกเมนูเครื่องดื่มอร่อย ๆ รอบล้อมด้วยพรรณไม้ แลดูสบายตา ตกดึกคุณยังสามารถนั่งสังสรรค์ปิ้งย่างอาหารทะเลกันได้แบบชิลสุด ๆ ไปเลย

          ที่อยู่ : 24/8 หมู่ 2 บ้านด่านใหม่ ตำบลเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 083 299 7444
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก BAAN ChidTalay

5. เขานอกโฮมสเตย์ เกาะช้าง

ที่พักเกาะช้าง

ที่พักเกาะช้าง

          ที่พักโฮมสเตย์เกาะช้างบรรยากาศดี โดดเด่นด้วยลักษณะของที่พักที่ตั้งอยู่ติดทะเลทุกหลัง มองเห็นทัศนียภาพของทะเลได้อย่างสวยงาม พร้อมด้วยอาหารทะเลสด รสชาติอร่อย และกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตกปลาหมึก ดำน้ำ ก็มีไว้คอยต้อนรับทุกท่าน โดยจัดบริการเป็นแบบแพ็กเกจที่พัก อาหาร และกิจกรรมดำน้ำแบบฟรีสไตล์ก็มี หรือจะเป็นปิ้งย่างซีฟู้ดก็มีมาเสิร์ฟแบบไม่อั้น ห้องพักแต่ละห้องประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ที่นอน หมอน ผ้าห่ม โทรทัศน์ และห้องน้ำ เป็นต้น ตกดึกจะออกมานั่งระเบียงชมวิวทะเล นั่งล้อมวงหาของทานเล่น ก็สามารถทำได้ตามใจปรารถนา

          ที่อยู่ : 50 หมู่ 1 ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 087 141 9871
          เว็บไซต์ : khaonokhomestay.com หรือ เฟซบุ๊ก เขานอกโฮมสเตย์ เกาะช้าง

6. เกาะช้างฟ้าใส รีสอร์ท
          ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรืออ่าวสับปะรดมาไม่ไกล และห่างจากท่าเรือเฟอร์รี่เพียง 300 เมตร สะดุดตาด้วยการตกแต่งที่พักด้วยสีสันสดใส ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในท้องทะเล ห้องพักทุกห้องหันหน้าเข้าหาทะเล คุณจึงชื่นชมทิวทัศน์ของทะเลได้เต็มที่ มีระเบียงให้คุณได้นั่งเล่นนอนเล่น และถ้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้า คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงได้แบบใกล้ชิด ตกดึกคุณก็สามารถนั่งล้อมวงปิ้งย่างสังสรรค์ที่ริมทะเล โดยที่พักให้บริการเตาฟรี แต่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมถ่านและอาหารทะเลมาเอง

          ที่อยู่ : 52 หมู่ 3 อ่าวสับปะรด อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 081 864 8016
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Kohchang Fasai Resort

7. Saikhaoinn Resort

          ตั้งอยู่บริเวณหาดทรายขาว ให้บริการห้องพักนักท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น และตู้เย็น เป็นต้น พร้อมด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวสนุก ๆ อีกเพียบ เช่น  ดำน้ำดูปะการัง ขี่ช้างชมวิว ขี่รถเอทีวี พร้อมอาหารทะเลสด ๆ (โดยทางที่พักมีอุปกรณ์ปิ้งย่างเตรียมไว้ให้ฟรี) เพื่อให้ผู้เข้าพักได้เต็มอิ่มกับวันพักผ่อน ที่สบายและมีความสุขที่ "Saikhaoinn Resort" แห่งนี้

          ที่อยู่ : 19/14 หมู่ 4 หาดทรายขาว อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 039 551 584, 086 368 8065, 081 570 1380
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Kohchang Saikhaoinn Resort ทรายขาวอินน์ แพคเกจเกาะช้าง ทีพักเกาะช้าง

8. โชคดี รีสอร์ท

          ที่พักเกาะช้างที่อยู่ท่ามกลางความงามแห่งทะเลตะวันออก ที่รวบรวมความทันสมัย ความสะดวกสบาย ท่ามกลางความร่มรื่นของทิวมะพร้าว และแมกไม้นานาพรรณ หาดทรายขาวกับมุมพักผ่อนที่เป็นส่วนตัว พร้อมอาหารทะเลสดที่ส่งตรงจากท้องทะเลตราดมาให้อิ่มอร่อยกันทุกวัน เพลิดเพลินกับการบริการท่องเที่ยว พักผ่อนตามเกาะน้อยใหญ่ ทั้งนี้ยังเหมาะกับการปาร์ตี้ปิ้งย่างอาหารทะเลสด ๆ (ทางที่พักจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถประกอบอาหาร โดยจะต้องเข้าพักจำนวน 8-12 คนขึ้นไป)

          ที่อยู่ : 38 หมู่ 4 อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด 
          เบอร์โทรศัพท์ : 039 557 064
          เว็บไซต์ : chokdeeresort-kohchang.com

9. Magic Resort
ที่พักเกาะช้าง

ที่พักเกาะช้าง

          ตั้งอยู่บนหาดคลองพร้าว เต็มไปด้วยสีสันแห่งความสงบเงียบ และผ่อนคลายไปกับความงามของธรรมชาติ มีบริการห้องพักแบบห้องเดี่ยวสำหรับ 2 ท่าน ไปจนถึงห้องพักแบบครอบครัวจำนวน 4 ท่าน หรือมาเป็นแบบหมู่คณะสำหรับ 8 ท่าน มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น เครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์, ตู้เย็น, ห้องน้ำส่วนตัวพร้อมระบบปรับน้ำอุ่น ส่วนห้องอาหารให้บริการอาหารทะเลที่สดใหม่ รวมถึงยังสามารถประกอบอาหารปิ้งย่างได้ โดยที่นักท่องเที่ยวจะต้องนำอุปกรณ์และอาหารมาเอง รวมถึงกิจกรรมที่มีให้คุณเลือกเล่นมากมาย เช่น ดำน้ำชมปะการัง และขี่ช้างชมไพร เป็นต้น


   ที่อยู่ : 34 หมู่ 4 สุดหาดคลองพร้าว ตำบลเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
          เบอร์โทรศัพท์ : 039 557 074, 081 861 4829, 092 259 2499
          เว็บไซต์ : magickohchang.com หรือ เฟซบุ๊ก Magic Resort เมจิค รีสอร์ท เกาะช้าง

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

9 ร้านหมูสะเต๊ะเจ้าเด็ด อร่อยเด็ดทุกไม้แบบวางไม่ลง

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

          ร้านหมูสะเต๊ะเจ้าอร่อยในกรุงเทพฯ เนื้อหมูนุ่ม หมักเครื่องเทศหอมชวนทาน ลองได้ทานสักไม้ จะสัมผัสได้ถึงเนื้อหมูที่แสนนุ่มชวนฟิน ใครชอบทานหมูสะเต๊ะ เห็นทีว่าจะพลาดไม่ได้แล้ว
          หมูสะเต๊ะ อีกหนึ่งเมนูของทานเล่นของโปรดของใครหลายคน เป็นเมนูบ้าน ๆ ที่เราเห็นขายอยู่ตามท้องถนนทั่วไป หรือไม่ก็เป็นในร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวหมูแดง-ข้าวหมูกรอบ หมูสะเต๊ะที่อร่อย ส่วนของหมูต้องติดมันนิด ๆ ผ่านการหมักและปรุงอย่างเข้าเนื้อ พร้อมทานกับน้ำจิ้มรสเด็ด ดังนั้นการหาหมูสะเต๊ะอร่อย ๆ ทานสักร้านจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ร้านนั้นหมูอร่อย แต่น้ำจิ้มไม่อร่อยก็มีถมไป วันนี้เราจึงพาเพื่อน ๆ ไปตระเวนชิมความอร่อยของร้านหมูสะเต๊ะ ที่เขาว่าเด็ดว่าโดนมาฝากกัน แต่จะมีร้านไหนเข้าตากรรมการบ้างนั้น ตามเรามาดูกันค่ะ
1. ร้านโอวกี่ หมูสะเต๊ะท่าดินแดง

          หนึ่งในร้านหมูสะเต๊ะในตำนาน ที่เสิร์ฟความอร่อยมากว่า 60 ปี ความอร่อยอยู่ที่ทางร้านจะหั่นเนื้อหมูแบบพอดีคำ แล้วหมักเข้ากับน้ำปรุงสูตรพิเศษ และเพิ่มเติมด้วยผงกะหรี่ เพื่อเพิ่มความหอม เวลาปิ้งก็ปิ้งบนเตาถ่าน ทำให้ความอร่อยของเนื้อสะเต๊ะที่ได้กำลังดี เคี้ยวนุ่มชุ่มปาก เวลาได้ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดของทางร้าน บอกเลยว่าอร่อยลงตัวสุด ๆ หรือถ้าใครอยากจะสั่งขนมปังปิ้งมากินคู่กันก็ได้ หรือจิ้มกินกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็อร่อยดีแท้

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน (ปิดจันทร์เว้นจันทร์) เวลา 09.00-20.00 น.
          ที่อยู่ : 181/1 ซอยท่าดินแดง 11 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 081 906 2116
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก โอวกี่หมูสะเต๊ะ-oki

2. หมูสะเต๊ะแปลงนาม

          ร้านหมูสะเต๊ะเจ้าดังย่านเยาวราช เวลามาที่ร้านนี้ทีไร เราจะเห็นลูกค้ามายืนออรอต่อคิวความอร่อยกันเพียบ ความอร่อยของที่นี่อยู่ที่ทางร้านจะเลือกสันนอกหมู (สันหลัง) ผ่านการหมักข้ามคืนให้รสชาติได้ซึมเข้าเนื้อ แถมน้ำจิ้มของที่ร้านก็รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ด้วยเพราะทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบดีทุกอย่าง เมื่อลองได้ทาน คุณจะรับรู้ถึงสัมผัสเนื้อที่เหนียวนุ่ม และความกรุบกรอบจากเนื้อส่วนมัน ใครติดใจซื้อกลับบ้าน แช่ค้างคืนไว้ในตู้เย็น เวลาทานนำออกมาอุ่นใหม่ ก็ไม่ได้ทำให้เสียรสชาติแต่อย่างใด

          เวลาเปิด-ปิด : วันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 17.00-23.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนแปลงนาม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 086 548 4628

3. ร้านมิ้งโภชนา บรรทัดทอง

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

          ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณปากซอยจุฬาฯ 30 ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ร่ำลือในเรื่องความอร่อย หมูสะเต๊ะของที่ร้านมีทั้งแบบติดมันและไม่ติดมัน เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังปิ้งร้อน ๆ บอกเลยว่าถูกใจ ความอร่อยของที่ร้านอยู่ที่เนื้อหมูที่ไม่แห้งจนเกินไป นุ่มกำลังดี โดยเคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่สูตรเฉพาะน้ำจิ้มซีอิ๊วดำ ที่คิดค้นขึ้นมาเอง ไม้ขนาดกลาง ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ กลิ่นหอมเครื่องขมิ้นและผงกะหรี่อ่อน ๆ ไม่ฉุนมาก ใครชอบทานหมูสะเต๊ะ เห็นทีว่าจะพลาดร้านนี้ไปไม่ได้เสียแล้ว

          เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : ปากซอยจุฬาฯ 30 ถนนพระราม 6 (บรรทัดทอง) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 214 1750, 084 499 9515
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก หมูสะเต๊ะ ซีอิ๊วดำ มิ้งโภชนา

4. ชองกี่หมูสะเต๊ะ

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

          ร้านอยู่ในซอยสุกร 1 หรือที่รู้จักกันดีว่าตรอกโรงหมู อยู่ไม่ไกลจากวัดไตรมิตร เป็นอีกหนึ่งสูตรตำนานหมูสะเต๊ะแสนอร่อย ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเดินทางไปลิ้มลองกันถึงที่ เหล่าบรรดานักชิมทั้งหลาย จะได้สัมผัสและลิ้มรสกับความนุ่มของเนื้อหมูสะเต๊ะ กัดไปแต่ละคำก็นุ่มเต็มปากทุกคำไป ยิ่งถ้าได้ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเข้มข้น บอกเลยว่าลงตัวแบบสุด ๆ เพราะเคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การหมักเนื้อหมูด้วยเครื่องเทศหลากหลายชนิด และนำไปย่างด้วยเตาถ่าน ทำให้หมูสะเต๊ะที่ได้เนื้อหวานมันกำลังพอดี ลองได้สั่งมากี่ไม้ ก็หมดทุกคราวไป ไม่เชื่อก็ลองดู

          เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ เวลา 09.30-14.00 น., วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนข้าวหลาม แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ :  02 236 1171, 02 233 4100, 02 639 6584

5. หมูสะเต๊ะนายซ้ง

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

          ร้านตั้งอยู่บริเวณจุฬาฯ ซอย 8 อีกหนึ่งความอร่อยของร้านหมูสะเต๊ะที่ต้องลอง เราจะเห็นลูกค้ามายืนรอความอร่อยกันแน่นร้าน ถ้าใครเห็นว่าคิวยาว ก็อย่าเพิ่งท้อกันไปเสียก่อน เพราะอยากทานของอร่อยก็ต้องรอ หมูสะเต๊ะของที่ร้านมีลักษณะเด่นตรงที่ หมูไม่เป็นเนื้อแบน ๆ แห้ง ๆ แต่กลับเป็นเนื้อหมูหนานุ่ม กัดเต็มคำ อร่อยเต็มไม้ ส่วนน้ำจิ้มของทางร้านก็มีให้เลือกสองแบบ คือ น้ำจิ้มถั่ว รสชาติกลมกล่อม มีถั่วเยอะมาก เอาใจคนชอบทานถั่ว ส่วนอีกแบบคือ น้ำจิ้มอาจาด รสชาติเข้มข้นเข้ากันได้ดี ใครแวะผ่านไปผ่านมาเที่ยวนั้น ก็ลองเลือกซื้อความอร่อยกันดูได้

          เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-20.00 น.
          ที่อยู่ : 895/4 จุฬาฯ ซอย 8 ถนนบรรทัดทอง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 081 432 5411
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก หมูสะเต๊ะนายซ้ง

6. หมูสะเต๊ะซอยสว่างเจ้าเก่า

          ร้านตั้งอยู่บริเวณหัวมุม ซอยสว่าง 6 ร้านนี้อร่อยทั้งหมูสะเต๊ะ ไก่สะเต๊ะ และตับสะเต๊ะ หากแต่ลูกค้ามักจะเข้ามาลิ้มลองความอร่อยของหมูสะเต๊ะ ที่ปิ้งมาร้อน ๆ พร้อมด้วยขนมปังปิ้ง เนื้อหมูสะเต๊ะของที่นี่บอกเลยว่าเป็นเนื้อหมูเน้น ๆ มันน้อยมาก เวลาทานกลิ่นหอมฉุย เหนียวหนึบกำลังดี ความดีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มแสนเข้มข้น ที่เข้ากันกับเนื้อหมูสะเต๊ะลงตัวแบบสุด ๆ ส่วนอาจาดก็ให้เครื่องเยอะ ทั้งแตงกวา พริกชี้ฟ้า โดยมีรสชาติเปรี้ยวนำ ทำให้ตัดเลี่ยนเวลาทานหมูสะเต๊ะได้เป็นอย่างดี

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 12.00-21.00 น.
          ที่อยู่ : ซอยสว่าง 6 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 02 236 2059
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก สว่าง หมูสะเต๊ะ – เจ้าเก่า

7. หมูสะเต๊ะป้าสม ประตูผี
ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

          ร้านหมูสะเต๊ะรถเข็นเล็ก ๆ ริมถนนสำราญราษฎร์ ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วให้ใครที่เดินทางผ่านไปผ่านมาแถวนั้นต้องน้ำลายไหลแบบไม่รู้ตัว ใครที่อยากมาหาของทานดึก ๆ ลองได้ฝากท้องกับร้านนี้ รับรองว่าไม่มีผิดหวัง เมนูเด็ดของทางร้านหนีไม่พ้นชุดหมูสะเต๊ะและขนมปัง ที่ทำเอาใครหลายคนต่างติดใจความอร่อยกันเป็นแถว จนฝากตัวเป็นลูกค้าเจ้าประจำ หมูสะเต๊ะที่นี่บอกเลยว่าชิ้นใหญ่ หมักนุ่มจนได้ที่ รสเข้าเนื้อในแบบพอดีคำ ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดสูตรที่ทางร้านปรุงเอง รับรองว่าทานไม้แล้วไม้เล่า จะหยุดไม่ได้อย่างแน่นอน

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 17.00-22.00 น.
          ที่อยู่ : 315/1 ถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 089 111 0082
          เว็บไซต์ :  เฟซบุ๊ก หมูสะเต๊ะป้าสม ประตูผี

8. หมูสะเต๊ะ บางซื่อ ตลาดบองมาร์เช่

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด
ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

          เป็นอีกหนึ่งร้านหมูสะเต๊ะ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความอร่อย ด้วยเพราะการหมักที่สุดยอด ชนิดที่ว่าแทบไม่ได้กลิ่น แต่ทุกเครื่องปรุงจะอัดแน่นอยู่ในเนื้ออย่างดีเยี่ยม สำหรับน้ำจิ้ม ให้ความรู้สึกที่เข้ากันลงตัวพอดีกับหมูสะเต๊ะ เพราะไม่จัดจ้านมากนัก แต่แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลของรสชาติ และอัดแน่นมาด้วยเครื่องเคียง อาจาดแตงกวาก็แสนกรอบ หอมแดง พริก พร้อมกับน้ำที่ราดผสมลงไป มีความหวานได้พอดีจนไม่ทำให้เสียอารมณ์

          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
          ที่อยู่ : อาคารตลาดบองมาร์เช่ ถนนเทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 080 927 0089
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก หมูสะเต๊ะ บางซื่อ ตลาดบองมาร์เช่

9. หมื่นไม้หมูสะเต๊ะ

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

ร้านหมูสะเต๊ะอร่อยเด็ด

          ต้นตำรับหมูสะเต๊ะยุคใหม่ มีทั้งหน้าร้าน และจัดส่งทั่วกรุงเทพฯ ‪โดยที่ร้านเน้นเนื้อหมูที่นุ่ม มันน้อย นั่นก็เพราะทางร้านต้องการสร้างความอร่อยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงยังใส่ใจในเรื่องความสะอาดอีกด้วย โดดเด่นด้วยภาชนะหมูสะเต๊ะที่แตกต่างจากร้านอื่น นั่นคือ การใส่แก้วพลาสติก ซึ่งช่วยให้ลูกค้าหยิบทานได้อย่างสะดวก เพียงราดน้ำจิ้ม แล้วก็สามารถเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้เลย และมาพร้อมด้วยแก้วปิดฝาสนิท ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน ถือว่าเป็นความอร่อยที่เข้ากับยุคสมัยใหม่จริง ๆ

          เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-15.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
          ที่อยู่ : ตลาดลุงเพิ่ม หลังการบินไทย ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
          เบอร์โทรศัพท์ : 061 947 9853
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก หมื่นไม้ หมูสะเต๊ะ

          งานนี้เห็นทีว่าใครที่ชอบทานหมูสะเต๊ะ บอกเลยว่าต้องอิ่มพุงกางอย่างแน่นอน เพราะแต่ละเจ้าที่เราคัดมาฝาก รับรองว่าอร่อยเด็ดทุกไม้ สั่งมาสิบไม้ ก็ทานหมดครบสิบไม้ ลองหาวันหยุดว่าง ๆ แล้วตระเวนชิมความอร่อยของหมูสะเต๊ะกันนะคะ ^ ^

7 ร้านกาแฟเขาค้อโดนใจ ถ่ายรูปสวย บรรยากาศเต็มสิบ

เขาค้อสถานที่ท่องเที่ยวในดวงใจของใครหลายคน ด้วยเพราะบรรยากาศการท่องเที่ยวที่นี่สวยงามเกินห้ามใจไม่ให้หลงรัก บรรยากาศของทะเลภูเขาที่โอบล้อมรอบกาย แถมยังมีจุดท่องเที่ยวให้แวะหลายแห่ง ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งในเรื่องที่พักและร้านอาหารอร่อย ๆ รวมถึงร้านกาแฟเขาค้อ ซึ่งแต่ละร้านล้วนแล้วแต่มีทำเลที่ตั้งสวยงามโดนใจ เพราะนอกจากจะได้นั่งจิบกาแฟชมวิวแล้ว ยังเพลินไปกับการถ่ายรูปสวย ๆ อีกด้วย แจ่มและดีเว่อร์แบบนี้ เห็นทีว่าต้องขอไปตามรอยกันเสียหน่อยแล้ว

1. Jolly Café

ร้านกาแฟเขาค้อ
 


ร้านกาแฟเขาค้อ


ร้านกาแฟเขาค้อ


         ตั้งอยู่ภายในโครงการ Jolly Land มีลักษณะเป็นฟาร์มคาเฟ่น่ารัก ๆ ท่ามกลางขุนเขาบนเขาค้อ โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์โรงนาสีขาวชวนฝัน บรรยากาศอบอุ่น ไม่ว่าคุณจะเลือกมานั่งชิลช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน ก็จะได้รับความประทับใจกลับไปเหมือน ๆ กัน พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูอาหารอิตาเลียน อย่างพิซซ่า สเต๊ก และ Draft beer รวมถึงยังมีเมนูเครื่องดื่มกาแฟหลากหลาย เช่น มอคค่าเย็น อเมริกาโน่เย็น เป็นต้น ซึ่งแต่ละเมนูเครื่องดื่ม ก็ล้วนบรรจงคัดอย่างพิถีพิถัน เห็นถึงความตั้งใจและใส่ใจแบบสุด ๆ พร้อมด้วยการบริการที่เป็นกันเอง แวะมาเที่ยวเขาค้อคราวหน้า ลองมานั่งชิลที่นี่กันดูนะคะ

         เวลาเปิด-ปิด : วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.30-19.00 น., วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 10.30-18.00 น. (หยุดทุกวันพุธ)
         ที่อยู่ : 105 หมู่ 2 ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
         เบอร์โทรศัพท์ : 082 393 5091
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Jolly Cafe


2. The Louis


ร้านกาแฟเขาค้อ


ร้านกาแฟเขาค้อ


         หนึ่งในร้านบรรยากาศดีของเขาค้อ ตั้งอยู่บนผาซ่อนแก้ว โอบล้อมด้วยทะเลภูเขาสวยงาม แถมยังมีลมพัดเย็นสบาย มีวิวสวย ๆ เอาไว้ให้มองเพลิน ๆ นอกจากวิวของร้านจะสวยบาดใจแล้ว ที่ร้านยังมีสวนดอกไม้สวย ๆ ไว้เอาใจคนที่ชอบถ่ายรูป และเหล่าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ที่นั่งแจกความน่ารักอยู่รอบ ๆ อีกด้วย น่าจะเป็นที่ถูกใจของเหล่าบรรดาเด็ก ๆ ที่พามาด้วยแน่นอน นอกจากเมนูเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลากหลาย ยังมีเค้กเนื้อนุ่มแสนอร่อย เอาใจคนชอบทานขนมหวาน นั่งชิลไปทานขนมหวานไป บอกเลยว่าฟินอย่าบอกใครเลยทีเดียว

         เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 06.00-22.00 น.
         ที่อยู่ : ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
         เบอร์โทรศัพท์ : 097 007 7214
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก เดอะหลุยส์ ผาซ่อนแก้ว – อย่างเป็นทางการ


3. Chaylongbay Cafe


ร้านกาแฟเขาค้อ


ร้านกาแฟเขาค้อ


         ร้านตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนร่มเกล้าเขาค้อ เพชรบูรณ์ หรือตรงกันข้ามกับที่ว่าการอำเภอเขาค้อ โดดเด่นด้วยบรรยากาศการตกแต่งร้านที่สวยงามและทันสมัย ใครเห็นแล้วก็อยากที่จะเข้าไปนั่งชิล ๆ เสพบรรยากาศฟิน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจิบกาแฟ รวมถึงนั่งทานอาหารทานเล่น ไปจนถึงทานอาหารจานหลัก ก็มีให้เลือกแบบไม่อั้น เช่น สเต๊กหลากหลายเมนู ขาหมูทอดเยอรมัน และซี่โครงหมูย่างสไตล์อิตาเลียน ที่รับรองว่าเด็ดของจริง ท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยวของเขาค้อ ใกล้จุดชมวิวทะเลหมอก ใครลองได้แวะไป เป็นต้องติดใจด้วยกันทุกคน

         เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 07.30-20.00 น.
         ที่อยู่ : ติดโรงเรียนร่มเกล้าเขาค้อ ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
         เบอร์โทรศัพท์ : 088 273 3959
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Chaylongbay Cafe

4. Big Coffee
         ตั้งอยู่ตรงข้ามเจดีย์กาญจนาภิเษก ใกล้ ๆ กับไปรษณีย์เขาค้อ โดดเด่นด้วยการตกแต่งร้านด้วยประภาคารสีเขียวทรงสูง เป็นหอชมวิวได้รอบ 360 องศา เรียกได้ว่าตั้งอยู่บนทำเลที่สวยงาม สามารถมองเห็นทะเลหมอกในตอนเช้า และชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น ลูกค้าสามารถนั่งดื่มดำวิวสวย ๆ ของเขาค้อได้ตรงพื้นที่ระเบียงด้านหลัง ที่เอาไว้ให้ได้จิบกาแฟ ที่แถมมาด้วยวิวทะเลหมอกอลังการ พร้อมด้วยการบริการที่พักแสนสบาย แต่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้นอนพักที่นี่ ก็สามารถแวะมาจิบกาแฟหอม ๆ หรือจะแค่แวะมาถ่ายรูป ที่นี่ก็ยินดีให้บริการ

         เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 07.30-20.30 น. 
         ที่อยู่ : 229 หมู่ 1 ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
         เบอร์โทรศัพท์ : 056 728 060, 091 385 5875
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Big Coffee


5. The Piney Bistro Café


ร้านกาแฟเขาค้อ


ร้านกาแฟเขาค้อ


         ร้านตั้งอยู่บริเวณด้านหลังพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ วัดผาซ่อนแก้ว ว่ากันว่าบรรยากาศร้านของที่นี่ถือได้ว่ากินขาด เพราะจะมองเห็นวิวเขาค้อสวย ๆ ทิวเขาน้อยใหญ่ด้านล่าง เรียกได้ว่าไม่มีอะไรมาบดบังสายตาเลยทีเดียว จุดเด่นของที่ร้านเห็นจะเป็นเมนูเครื่องดื่มกาแฟหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟลาเต้ และคาปูชิโน่ร้อน ๆ ที่สั่งมาทานคู่กับขนมหวานอร่อย ๆ สักชิ้น นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารสำหรับรองท้องอีกหลากหลายเมนู ได้อิ่มอร่อยและฟินกันทุกคน ใครอยากสัมผัสบรรยากาศความชิล แนะนำให้มาวันธรรมดา เพราะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะเป็นพิเศษ แต่รับรองได้ว่าชิลไม่แพ้กัน

         เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
         ที่อยู่ : 248 หมู่ 7 บ้านทางแดง ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
         เบอร์โทรศัพท์ : 084 179 0898
         เว็บไซต์ :  เฟซบุ๊ก The Piney Bistro Cafe

6. Le Bonheur khaokho
         ร้านที่ครบสูตรทั้งคาวและหวาน อยู่ชิดติดกับเชิงเขาผาซ่อนแก้ว โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งเหมือนห้องรับแขก ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนอบอุ่น เป็นจุดที่ให้คุณได้นั่งพักจิบกาแฟได้แบบเพลิน ๆ สบายอารมณ์ พร้อมกับทานเบเกอรี่อร่อย ๆ ท่ามกลางวิวขุนเขาที่แสนสงบและสวยงาม ครบสูตรด้วยอาหารอร่อย ๆ ขนมทานเล่น ไอศกรีม และกาแฟรสชาตินุ่มละมุน หรือจะเป็นเมนูอาหารจานเดียว ก็มีให้เลือกมากมาย เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่ให้คุณได้หลีกหนีความวุ่นวายของชีวิตเมือง แล้วมาแวะเติมความสดชื่นให้กับกายและใจอย่างเต็มที่

         เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
         ที่อยู่ : 149 หมู่ 3 ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
         เบอร์โทรศัพท์ : 086 299 5954
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Le Bonheur khaokho


7. Bud Cafe'


         ร้านกาแฟบรรยากาศน่ารักบนถนนสาย 12 เป็นร้านกาแฟที่รวบรวมเรื่องราว และประวัติศาสตร์ ของชาวม้งในท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม โดดเด่นด้วยการออกแบบร้านที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการผสมผสานระหว่างร้านกาแฟกับแกลลอรี่แสดงภาพ ท่ามกลางวิวสวย ๆ ของเขาค้อ ที่ร้านมีทั้งเมนูกาแฟ ชา และน้ำผลไม้ ให้เลือกหลากหลายเมนู พร้อมด้วยขนมหวานหน้าตาน่าทาน ที่อบอร่อยกันวันต่อวัน พร้อมการบริการด้วยรอยยิ้มจากน้อง ๆ ชาวเขา ทำให้ลูกค้าอย่างเราอดเอ็นดูไปด้วยไม่ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟเขาค้อที่อยากให้คุณได้ลองแวะไปสัมผัสดูสักครั้ง

         เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น.
         ที่อยู่ : ตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
         เบอร์โทรศัพท์ : 087 100 5014
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Bud Cafe'

         ถูกใจกับบรรยากาศร้านกาแฟเขาค้อที่เราเอามาฝากกันบ้างไหมคะ ? แต่ละร้านบอกเลยว่าถ้าได้ลองเข้าไปนั่งแล้ว จะไม่อยากออกมาเลยจริง ๆ ก็มันทั้งชิล ทั้งบรรยากาศดีแบบนี้ เป็นใครก็คงอยากจะนั่งนาน ๆ อีกอย่างการเดินทางก็สะดวก ไว้ครั้งหน้าที่เพื่อน ๆ ไปเที่ยวเขาค้อ ลองแวะมานั่งชิลร้านกาแฟเขาค้อเหล่านี้กันดูนะคะ ^ ^