วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2563

รู้จัก...“Travel Bubble” การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ...

ทราเวลบับเบิ้ล เป็นการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19

     หลังสถานการณ์โควิด-19 บ้านเราดีขึ้นมาตามลำดับ ปลอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศมากว่า 2 สัปดาห์ จนรัฐบาลคลายล็อกในเฟส 3 ให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ พร้อมกับมีแผน “แจกเงินเที่ยว” เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมไทยเที่ยวไทย

นอกจากนี้รัฐบาลลุงตู่ ยังมองข้ามชอร์ตไปถึงการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขเรื่องความปลอดภัยจากจากโควิด-19

ทราเวลบับเบิ้ล ที่ไทยหวังใช้ดูดเงินนทท.ต่างชาติ

      เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมความพร้อมในการเจรจาจับคู่การเดินทางกับประเทศที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ได้ดีเยี่ยม จนสามารถเปิดการเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องกักตัว หรือที่เรียกว่า “ทราเวลบับเบิ้ล” ขึ้น เพื่อหวังจะดูดเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง

     ทราเวลบับเบิ้ล การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไทยอีกไม่นาน

     “ทราเวลบับเบิ้ล” (Travel Bubble) เป็นศัพท์ใหม่ที่ถูกบัญญัติขึ้นในช่วงโควิด-19 เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ทราเวลบับเบิ้ล หรือที่มีคำนิยามในภาษาไทยว่า “ระเบียงท่องเที่ยว” หมายความถึงการจับคู่ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศที่มีความมั่นใจในความปลอดภัยของโรคโควิด-19

โดยจะมีการตกลงกันระหว่างรัฐบาลของแต่ละประเทศในการให้สิทธิพิเศษของการเดินทางเข้าออกระหว่างกันได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว 14 วัน แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น เช่น การตรวจเช็คสุขภาพทั้งจากประเทศต้นทางและปลายทางว่าผู้ที่เดินทางมานั้นปลอดจากโรคโควิด-19 จริง

หรือมีหนังสือรับรองผ่านการตรวจโรคว่ามีผลเป็นลบมาแสดง การใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวตลอดการเดินทาง และที่สำคัญคือต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรการป้องกันการโรคโควิด-19 ด้วยวิธีการที่แต่ละคู่ประเทศจะตกลงกัน

แม้จะมีใบผ่านการตรวจโรค แต่เมื่อมาถึงสนามบินก็ต้องมีการตรวจเข้มข้นอีกครั้ง
 ต้นแบบโมเดลทราเวลบับเบิ้ล

สำหรับประเทศคู่แรกที่ถือเป็นต้นแบบของโมเดลทราเวลบับเบิ้ลก็คือ “นิวซีแลนด์” และ “ออสเตรเลีย” ซึ่งทั้งคู่ใช้ชื่อว่าใช้ชื่อว่า “Tran-Tasman Travel Bubble” โดยคู่ประเทศทั้งสองตกลงยินยอมให้มีการเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องให้มีการกักตัว แต่ยังคงมีมาตรการตรวจเข้มข้นที่สนามบินของแต่ละประเทศ โดยอาจจะเริ่มอนุญาตให้มีการเดินทางไปมาในบางเมืองก่อน

นิวซีแลนด์ (บน)-ออสเตรเลีย (ล่าง) ต้นแบบของทราเวลบับเบิ้ล (ภาพ : expedia)

   แผนการจับคู่ท่องเที่ยวกันของนิวซีแลนด์และ ออสเตรเลียมีข่าวออกมาว่าทั้งสองประเทศอาจจะเริ่มเปิดพรมแดนระหว่างกันเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงราวเดือน ส.ค. ซึ่งก็มีความเป็นไปได้มากเพราะในช่วงเดือนนี้เป็นฤดูกาลเล่นสกีในนิวซีแลนด์ และช่วงเดือน ก.ย. ก็เป็นช่วงปิดเทอมของโรงเรียนในสองประเทศนี้

เทรนด์ใหม่ทราเวลบับเบิ้ล

หลังแผนการเปิดพรมแดนจับคู่เที่ยวระหว่างนิวซีแลนด์ และออสเตรเลียเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงเกิดรูปแบบของการท่องเที่ยวในแบบทราเวลบับเบิ้ลหรือระเบียงท่องเที่ยวขึ้น ซึ่งวันนี้ได้มีหลายประเทศนำแนวคิดนี้ไปใช้เพื่อวางแผนจับคู่ประเทศหรือจับกลุ่มประเทศเปิดการท่องเที่ยวระหว่างกัน อย่างเช่น

ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแผนเปิดทราเวลบับเบิ้ลกับไทย

     ญี่ปุ่น เตรียมจับคู่กับ ไทย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ เวียดนาม

-จีน จับคู่กับ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า เปิดให้เที่ยวได้ใน 10 ภูมิภาคของจีน

-กลุ่มประเทศในยุโรป ประกอบด้วย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และออสเตรีย เปิดให้เที่ยวระหว่างกันในกลุ่ม

-สิงคโปร์ จับคู่กับ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และจับคู่เดินทางไปบางมณฑลในจีน

สิงคโปร์เลือกจับคู่เที่ยวกับบางมณฑลในจีน

   กลุ่มประเทศในสแกนดิเนเวีย จับคู่เดินทางกันเองยกเว้นสวีเดน เนื่องจากวันนี้สวีเดนยังคงมีการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

-กลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติก ในยุโรปตะวันออก ประกอบด้วย ลัตเวีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย อนุญาตให้ประชาชนเดินทางไป-มา ได้อย่างเสรี

-อิตาลี เป็นประเทศแรกในยุโรปที่เปิดพรมแดนให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยว เพราะต้องการให้การท่องเที่ยวมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

นี่คือตัวอย่างของหลายประเทศที่เริ่มทยอยเปิดระเบียงท่องเที่ยวหรือทราเวลบับเบิ้ล ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังพิจารณาการเปิดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่นี้ รวมถึงประเทศไทยเราด้วย

ต้องสวมแมสก์ทุกครั้งในการเดินทางท่องเที่ยว

   ไทยจ่อคลายล็อก เปิดทราเวลบับเบิ้ล

ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความสนใจในทราเวลบับเบิ้ล ซึ่งวันนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจและ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปศึกษาแนวทางการท่องเที่ยวดังกล่าว ซึ่งคาดว่า จะเริ่มได้ราวไตรมาส 3-4

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องการคลายล็อกดาวน์ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการฟื้นการท่องเที่ยวของไทย แต่การเปิดให้นักท่องเที่ยงเข้ามา ต้องเลือกสรรอย่างดี ประเทศที่จะจับคู่กัน ต้องปลอดจากการระบาดของโควิด-19 พอสมควร

“การให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย ไม่จำเป็นต้องเปิดให้ต่างชาติเข้าทั้งประเทศ สามารถเลือกเป็นเมือง หรือมณฑล เชื่อมโยงระหว่างคนกับพื้นที่ ต้องติดตามให้ดี มีระบบดิจิทัล ต้องค่อยๆ เปิด จะมีต่างประเทศเข้ามาเที่ยวไทยในไตรมาส 3-4”

เวลาเดินทางไปไหนยังคงต้องมีการ Social Distancing อยู่เสมอ

      และนี่ก็คือแนวทางของการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ทราเวลบับเบิ้ล หรือ ระเบียงท่องเที่ยว ซึ่งหากไทยเรามีการวางแผน มีมาตรการรับมือโรค และการบริหารจัดการที่ดี ก็จะสามารถดูดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ไม่น้อย แต่หากบริหารจัดการไม่ดี ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มรัฐบาลก็จะถูกด่าไม่น้อยเช่นกัน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น